8 หุ้น SET100 แกร่งกว่าตลาดฯ รูด 26 จุด กังวล “เฟด” นัดประชุมฉุกเฉิน!



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยภาคบ่ายวันนี้(3 ต.ค.65)  ณ เวลา 15:47น. อยู่ที่ 1,563.33 จุด ลดลง 26.18 จุด หรือ 1.64% มูลค่าซื้อขายที่ 6.21 หมื่นล้านบาท โดยการปรับตัวลงแรงเนื่องจากมีแรงเทขายในหุ้นขนาดใหญ่ ตามตลาดต่างประเทศ กังวลเฟดเรียกประชุมฉุกเฉิน ทำให้ค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าและเงินบาทพลิกมาอ่อนส่งผลต่างชาติเทขาย อย่างไรก็ตามมีกลุ่ม SET100 เพียง 8 ตัวที่บวกสวนภาวะตลาดดังตางรางประกอบ

ด้านนายกิติเตียนชาญ ศิลปม้า ผู้อำนวยการอาวุโสข้างพินิจพิจารณาหลักทรัพย์-รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (เมืองไทย) บอกว่า ตลาดปรับนิสัยลงตามตลาดเมืองนอกจากความรู้สึกกังวลการเรียกสัมมนาเร่งด่วนของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) วันนี้ ทำให้ค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าขึ้นและก็เงินบาทกลับมาอ่อนค่า ทำให้มีแรงขายสินค้านักลงทุนต่างประเทศนำมาซึ่งการทำให้ดรรชนีตลาดไหลลงจากตอนต้นภาคเช้าตรู่ได้รับแรงหนุนจากกรุ๊ปพลังงานรับราคาน้ำมันเช้าวันนี้ปรับขึ้นเกือบจะ 3% คาดข้างหลังสัมมนาโอเปคพลัส 5 ตุลาคมลดกำลังในการผลิต

โดยช่วงเวลาบ่ายคาดว่าจะยังมีแรงกดดันตลาดหลักทรัพย์ไทยสม่ำเสมอ ภายหลังดรรชนี SET หลุด 1,580 จุด ซึ่งเป็นแถวรับสำคัญ เข้าภาวการณ์ Over Sold และไม่มีวอลุ่มมา Support ทำให้แนวรับยังมี downside อีก ดังนี้ ให้กรอบดรรชนีบ่ายนี้ให้แนวรับ 1,540 จุด แล้วก็แนวต่อต้าน 1,580 จุด โดยยังจำต้องติดตามการประกาศเงินเฟ้อสหรัฐในวันที่ 13 เดือนตุลาคมนี้ แม้เงินเฟ้อชะลอตัวก็จะส่งผลต่อการสัมมนาเฟดในหนต่อไป (1-2 เดือนพฤศจิกายน)

บล.พาย (Pi) กล่าวว่า ประเมินดัชนีหุ้นไทย (SET Index) อาทิตย์นี้แกว่งไกวในกรอบ 1,570-1,600 จุด มองดูยัง Outperform ตลาดค้าหุ้นโลก แนะทยอยสะสมหุ้นรากฐานก่อนลงคะแนนใหญ่กลางปีหน้า

ดังนี้ ตลาดค้าหุ้น Dow Jones คืนวันศุกร์ปรับลง 1.7% สำคัญๆได้ผลจากการรายงาน PCE ที่สูงกว่าตลาดมุ่งหวังไว้ เพิ่มแรงกดดันด้านเงินเฟ้อแล้วก็ทำให้ตลาดวิตกกังวลกับแนวโน้มดอกจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่วนด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปรับพฤติกรรมลง 0.6% สำคัญๆนักลงทุนไม่สบายใจกับอุปสงค์ที่จะหายไปจากการขึ้นดอก

อาทิตย์นี้ ตลาดจะให้น้ำหนักกับการรายงานเงินเฟ้อไทยระดู เดือนกันยายน ในวันพุธ Bloomberg Consensus คาดที่ 6.5%YoY,0.4% MoM ดังนี้ถ้าเกิดพินิจผลิตภัณฑ์ที่มีผลต่อความเคลื่อนไหวเงินเฟ้อสูง อย่างราคาน้ำมันจะพบว่าราคาน้ำมันดิบ BRENT ในก.ย.ติดลบราว 7.4%MoM เพราะฉะนั้น คาดว่าเงินเฟ้อที่จะประกาศออกมาคงจะใกล้เคียงกับนักวิเคราะห์คาดและก็เห็นว่าไม่น่าส่งผลอะไรกับตลาดหลักทรัพย์เท่าไรนัก

ส่วนสาเหตุต่างถิ่นจะเน้นย้ำไปที่ (1) การสัมมนา OPEC+ ในวันพุธ (คาดรู้ผลทางการตอนวันพุธตอนกลางคืนตามเวลาในประเทศไทย) พื้นฐานมีรายงานออกมาว่าที่สัมมนาจะลดกำลังในการผลิตราว 1 ล้านบาร์เรล/วัน ถ้าเกิดออกมาตามนี้ก็มั่นใจว่าไม่เป็นผลกับราคาน้ำมันดิบมากสักเท่าไรนัก คาดว่าเดี๋ยวนี้ตลาดกำลังให้น้ำหนักกับอุปสงค์ที่จะหายไปจากความรู้สึกไม่สบายใจเศรษฐกิจลดน้อย

(2) ภาคแรงงานสหรัฐในวันอังคารเป็นต้นว่าตำแหน่งงานเปิดรับสมัคร Bloomberg คาดที่ 11.35 ล้านตำแหน่ง ถ้าหากสูงขึ้นมากยิ่งกว่าคาดก็จะเป็นสาเหตุบีบคั้นตลาดหลักทรัพย์ต่อความรู้สึกกลุ้มใจเงินเฟ้อ รวมทั้งในวันศุกร์จะมีตัวเลขการว่าจ้างนอกภาคเกษตร Bloomberg คาดที่ 2.65 แสนตำแหน่งรวมทั้งอัตราการไม่มีงานทำที่ 3.7% ถ้าเกิดสูงยิ่งกว่าคาดก็จะเพิ่มแรงกดดันเงินเฟ้อแล้วก็บีบคั้นตลาดค้าหุ้นเหมือนกัน

ดังนี้ เมื่อประเมินจากหลายๆสาเหตุพบว่ายังเต็มไปด้วยสาเหตุบีบคั้นก็เลยเห็นว่าตลาดค้าหุ้นทั่วทั้งโลกยังอยู่ในแนวโน้มขาลง แม้กระนั้นเมื่อพินิจพิเคราะห์ตลาดหลักทรัพย์ไทยพบว่าได้โอกาสที่จะ Outperform ตลาดหลักทรัพย์โลกด้วยเหตุผล (1) เศรษฐกิจไทยกำลังได้แรงหนุนจากการเข้ามาของนักเดินทางต่างประเทศ เวลาที่การรายงานภาวะเศรษฐกิจไทยปัจจุบันของธนาคารชาติ (ธนาคารแห่งประเทศไทย) พบว่าเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในแนวทางฟื้นรับแรงหนุนจากการ ท่องเที่ยวรวมทั้งการลงทุนภาคเอกชน ส่วนการบริโภคทรงตัวแต่ว่าใส้ในขยายตัวทุกหมวดละเว้นผลิตภัณฑ์ไม่ทน (2) การเลือกตั้งใหญ่ตอนกลางปีหน้าจะเป็นต้นเหตุบวกต่อตลาดหลักทรัพย์ไทย สถิติในอดีตกาลก่อนหน้านี้ก่อนจะมีการออกเสียง 3-6 เดือนตลาดค้าหุ้นมักได้ผลทดแทนเป็นบวก

ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนก็เลยเสนอแนะนักลงทุนระยะกึ่งกลางถึงยาวเริ่มทยอยสะสมได้นิดหน่อยในหุ้นรากฐานดีที่ราคาปรับลงมา (ADVANC CPALL MAJOR KCE MINT) ส่วนหุ้นชี้แนะระยะสั้นยังย้ำ Defensive เช่น โรงหมอ (BCH CHG) ส่งออก (ASIAN TU) น้ำมัน (PTTEP) โรงกลั่น (BCP SPRC TOP)


แหล่งที่มา kaohoon.com