จ่อขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ “รัฐบาลก้าวไกล” ส่อง 8 หุ้นได้ประโยชน์



ภาพรวมการเมืองไทยมีความชัดเจนขึ้น เมื่อทางพรรคเพื่อไทยยังคงยืนยันว่าจะสนับสนุนพรรคก้าวไกลเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาล ทำให้ยังมีโอกาสสูงที่จะได้รัฐบาลที่มีเสถียรภาพในท้ายที่สุด โดยนโยบายสำคัญที่สอดคล้องกันของ 2 พรรคแกนนำนโยบายหนึ่งคือ การปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ แม้ยังไม่ชัดเจนว่าจะปรับขึ้นอยู่ในระดับใด

บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ประเมินการปรับเพิ่มค่าแรงอย่างต่ำ ถ้าเป็นไปตามนโยบายพรรคก้าวหน้าบางทีอาจจะผลพวงแง่ลบระยะสั้นต่อผลกำไรตลาดบ้าง แม้กระนั้นบางทีก็อาจจะกระทบทางบวกถ้าหากรัฐบาลใหม่มีการออกแนวนโยบายทดแทนผลพวงอย่างเช่นในอดีตกาล ซึ่งปัจจุบันนี้ยังไม่มีในวงกว้าง และก็ออกจะย้ำช่วยเหลือเฉพาะกรุ๊ป SME ส่วนผลพวงระยะกึ่งกลางคาดว่าจะออกจะจำกัด จากอำนาจซื้อของแรงงานที่มากขึ้นช่วยทดแทนผลพวง รวมทั้งผลพวงการลงทุนจากต่างแดนระยะกึ่งกลางที่มั่นใจว่าน้ำหนักบวกหลักจะอยู่หนความพร้อมเพรียงส่วนประกอบเบื้องต้นปัจจุบันนี้ที่แจ่มกระจ่าง และก็บางครั้งก็อาจจะเห็นภาพบวกอย่างเช่นในสมัยก่อน แม้แผนการรัฐบาลใหม่ทำให้เกิดความพึงพอใจจากนักลงทุนฝรั่งได้จริง อย่างไรก็ดีภายใต้การเสี่ยงแรงกดดันจากหัวข้อดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นในระยะต่อไป

ส่วนผลพวงต่อดัชนีหุ้นไทย (SET Index) จากการปรับเพิ่มค่าแรงในสมัยก่อน โดยอิงกรณีศึกษาตั้งแต่ปี 2552 พบว่า การปรับเพิ่มค่าแรงอย่างน้อยในอัตราสูงเกิดขึ้นในปี 2554 ในช่วงเวลาที่ตลาดค้าหุ้นไทยมิได้ตอบรับแง่ลบกลับตอบรับในเชิงบวกด้วยเหตุว่าแม้ว่าจะเป็นการขึ้นค่าแรงแบบก้าวกระโจน แต่ว่ามากับมาตรการช่วยเหลือทางภาษียกตัวอย่างเช่นการลดภาษีบริษัทลงทะเบียนจากระดับ 30% สู่ 23% แล้วก็ 20% ท้ายที่สุด ซึ่งมีผลเชิงบวกต่อผลกำไรบริษัทลงทะเบียนมากยิ่งกว่าส่วนเพิ่มทุนเงินเดือนที่เกิดขึ้นประกอบกับในตอนดังที่กล่าวมาข้างต้นยังมีนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจรากฐานระดับภูมิภาคข้างหลังน้ำหลาก ในเวลาที่การลงทุนเครื่องจักรใหม่ข้างหลังอุทกภัยที่ทำให้ความสามารถการสร้างโดยรวมดียิ่งขึ้นหนุนความสามารถผลกำไรบริษัทลงบัญชีทางอ้อม

ช่วงเวลาที่ผลพวงต่อกระแสเงินทุนฝรั่งในตลาดหลักทรัพย์ไทย (Fund Flow) ซึ่งการลงทุนสนองตอบเป็นเชิงบวกแม้ว่าจะมีการปรับขึ้นค่าแรง แต่ว่าคงจะเป็นผลมาจากแรงหนุนของหลักการการกระตุ้นข้างหลังน้ำหลากที่มีการปรับลด Corporate Tax ในเวลาเดียวกัน โดยเหตุนี้แผนการที่รอบด้านและก็สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโต จะเป็นน้ำหนักข้างหลังของการลงทุนมากยิ่งกว่ามิติในเรื่องค่าแรงงานที่มากขึ้น โน่นคือ กลุ่มเศรษฐกิจใหม่จำเป็นจะต้องมีนโยบายอื่นๆที่ช่วยเสริมรวมทั้งขับเศรษฐกิจได้จริง

สำหรับเชิงกลยุทธ์การลงทุน บล.กรุงศรี เสนอแนะย้ำลงทุนหุ้นรับผลจากการบวกจากการขึ้นค่าแรงอย่างต่ำคาดจะบวกต่อกำลังซื้อของพสกนิกร รวมทั้งกรุ๊ปที่กระทบจากค่าแรงงานต่ำที่สุด รวมทั้งมีพื้นฐานปัจจุบันนี้อดทน โดยเลือกกรุ๊ปการคลังอาทิเช่น SAWAD, AEONTS กรุ๊ปเครื่องดื่มเป็นต้นว่า OSP, ICHI กรุ๊ปไอชีหน ยกตัวอย่างเช่น ADVANC, TP, และก็กรุ๊ป Tech Consult เป็นต้นว่า BE8, BBIK

บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD มองดูได้ประโยชน์เศรษฐกิจโครงสร้างรองรับที่แข็งขึ้นจากทั้งยังแนวทางค่าแรงงาน แล้วก็การช่วยส่งเสริมธุรกิจ SME ของรัฐบาลใหม่ ตอนที่แนวโน้มดีสุดในกรุ๊ปเช่าซื้อ ทั้งยังสินเชื่อเติบโตเด่นสุด ระหว่างที่ยังคุม NPL ได้ในระดับที่ดีปี 2566 ยังเน้นย้ำแผนเชิงรุกเป้าสินเชื่อมากขึ้น 25-30% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีกลาย คาดมากขึ้น 15% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีกลาย อีกทั้งจำนองทะเบียนรถยนต์แล้วก็ที่ดิน รวมทั้งสินเชื่อเช่าซื้อรถเครื่องผ่าน SCAP รวมทั้งคุมค่าครองชีพเข้มข้น เวลาที่การควบคุมคุณภาพทรัพย์สินยังเป็นกรอบที่จัดแจงได้คาด NPL 3.0% ประเมินกำไรทั้งสิ้นปี 2566 อยู่ที่ 5,140 ล้านบาท มากขึ้น 15% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีกลาย ชี้แนะ “ซื้อ” ราคาจุดมุ่งหมาย 65.00 บาท

บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์สิน (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AEONTS เชื่อเป็นเยี่ยมในบริษัทที่ได้ประโยชน์จากการขึ้นค่าแรงอย่างน้อย ประสานการผลักดันและสนับสนุนเศรษฐกิจโครงสร้างรองรับของรัฐบาลใหม่ และก็การเปิดรับนักเดินทางจีน แล้วก็รวมทั้งประสิทธิภาพทรัพย์สินยังจัดการได้ ซึ่ง NPL Ratio ในตอนปี 2567 มีโน้มแนวทรงตัวด้านความพอเพียงของสำรองต่อพอร์ตยังสูง จาก coverage ratio ที่ระดับราวๆ 190% แล้วก็ LLR/Loan ที่ระดับราว 10% เสนอแนะ “ซื้อ” ราคาจุดหมาย 220 บาท

บริษัท ยารักษาโรคที่ประชุม จำกัด (มหาชน) หรือ OSP เชื่อเป็นเยี่ยมในบริษัทที่ได้ประโยชน์จากการขึ้นค่าแรงอย่างต่ำในฐานะหัวหน้าในธุรกิจเครื่องดื่มเสริมพลังงานที่กำลังได้ส่วนแบ่งตลาดคืนจากคู่ต่อสู้ ประสานการผลักดันเศรษฐกิจโครงสร้างรองรับของรัฐบาลใหม่ ภาพธุรกิจเริ่มมองเห็นจุดแปลงในไตรมาส 1 ปี 2566 ในรอบหลายไตรมาส แผนการเปลี่ยนแปลงราคาเริ่มสร้างผลเชิงบวก ข้างหลังคู่ต่อสู้ทยอยเปลี่ยนแปลงราคาตาม รวมทั้ง Market share มี.ค. เริ่มฟื้นแล้ว พร้อมทั้งGross margin ฟื้น อีกทั้งจากจำนวนผลิตสูงมากขึ้นแล้วก็แก้ไขคุณภาพผลิต และก็ประเมินผลกำไรปี 2566 Turnaround 2.8 พันล้านบาท มากขึ้น 45% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีกลาย โดยผลกำไรรายไตรมาส คาดฟื้นจากงวดเดียวของปีกลายได้ต่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งไตรมาส 2 ปี 2566 จะได้ประโยชน์ค่าไฟฟ้าปรับลง เสนอแนะ “ซื้อ” ราคาจุดมุ่งหมาย 31.00 บาท

บริษัท อิชิตัน กลุ่ม จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI เชื่อยอดเยี่ยมในบริษัทที่ได้ประโยชน์จากการขึ้นค่าแรงอย่างน้อยในฐานะหัวหน้าในธุรกิจเครื่องดื่มชาเขียว โมเมนตัมผลกำไรไตรมาส 2 ปี 2566 ยังเด่นมากมาย ลำดับหนึ่งในกรุ๊ปฯ คาดที่ 245 ล้านบาท  มากขึ้น 61% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีกลาย แล้วก็มากขึ้น 10% จากไตรมาสก่อน ซึ่งจาก U rate เพิ่มมาที่ 69% จากไตรมาส 1 ปี 2566 ที่ 62% และก็คาดรายได้ราว 2 พันล้านบาท รวมทั้ง Gross margin 21.5% เพิ่มจากไตรมาส 1 ปี 2566 ที่ 20.8% รวมทั้ง โมเมนตัมช่วงหลังของปี 2566 คาดยังยืนระดับ 200 ล้านบาท/ไตรมาสได้เป็นชั้นสูง ชี้แนะ “ซื้อ” ราคาจุดหมาย 17.20 บาท

บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC เชื่อเป็นเลิศในบริษัทที่ได้ประโยชน์จากการขึ้นค่าแรงอย่างน้อยแล้วก็เศรษฐกิจรากฐาน คาดผลกำไรปี 2566 ที่ 2.8 หมื่นล้านบาท มากขึ้น 8% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีกลาย ซึ่งจากรายได้ธุรกิจเดิมฟื้น 9% และก็การให้ความเอาใจใส่กับประสิทธิภาพลูกค้าเยอะขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งกรุ๊ป 5G รวมทั้ง NewS Curve เช่น Fibre, ลูกค้าหน่วยงาน อื่นๆอีกมากมาย โดย ADVANC ยังอยู่ในจุดที่ความรู้ความเข้าใจแข่งขันกันรุนแรงแล้วก็ฐานะทางการเงินแข็ง แล้วก็ระยะกึ่งกลางมองดูบวกทางอ้อมต่อการประลองแนวโน้มลดน้อยลง แล้วก็ลุ้น Upside เพิ่มจากแผนตั้งขึ้นกองทุนส่วนประกอบเบื้องต้น ระยะสั้นโมเมนตัมดี คาดผลกำไรไตรมาส 2 ปี 2566 ยังเพิ่มเมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีกลาย แล้วก็จากไตรมาสก่อน จากรายได้โทรศัพท์มือถือเพิ่ม บวกกับรายได้ Fiber โตตามเดิม แล้วก็เงินลงทุนค่าไฟฟ้าลง ชี้แนะ “ซื้อ” ราคาวัตถุประสงค์ 252.00 บาท

บริษัท เบริล 8 พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ BE8 มองดูภาพแรงกดดันค่าจ้างคราวมากขึ้น ได้โอกาสที่หลายๆบริษัทจะสนับสนุนในแผน Digital Transformation เร็วขึ้น จะสร้าง Upside ต่อก าไรมากขึ้น ประสาน มุมมองดอกขาขึ้นใกล้จบ บวกกับเป็นอุตสาหกรรมที่เด่นสม่ำเสมอ ซึ่ง BE8 อยู่ในจุดที่จะรีบสเกลรวมทั้งเก็บเกี่ยวผลตอบแทนได้ไว ข้างหลังผ่าน M&A ตอนก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา รวมทั้งจัดเตรียมเพิ่มฐานลูกค้าเมืองนอกตอนต่อไป เสนอแนะ “ซื้อ” ราคาวัตถุประสงค์ 91.00 บาท

บริษัท บลูบิค กลุ่ม จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK มองดูภาพแรงกดดันเงินเดือนครั้งมากขึ้น ได้โอกาสที่หลายๆบริษัทจะรีบสนับสนุนแผน DigitalTransformation เร็วขึ้น แล้วก็สร้าง Upside ต่อผลกำไรมากขึ้น ประสานคาดโมเมนตัมผลกำไรไตรมาส 2 ปี 2866 ยังดีตลอด พื้นฐานคาดที่ 65 ล้านบาท มากขึ้น 102% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีกลาย และก็มากขึ้น 12% จากไตรมาสก่อน โดยจากการทยอยรับทราบ backlog ที่มีในมือ ปัจจุบันอยู่ราว 745 ล้านบาท (รับทราบปี 2566 อยู่ที่ 559 ล้านบาท

ทั้งยังออร์บิทมีระบุส่งงานให้ OR เยอะมาก ทำให้คาดส่วนแบ่งผลกำไรยังคงสะดุดตาสม่ำเสมอจากไตรมาส 1 ปี 2566 รวมทั้งจะเริ่มรับทราบรายได้จาก Vulcan, Innoviz เต็มไตรมาสเป็นครั้งแรก โดยประเมินผลกำไรตลอดปี 2566 ที่ 266 ล้านบาท มากขึ้น 109% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีกลาย และก็คาดว่าจะมีแผนการใหญ่มาเพิ่มเติมอีกหลายโครงงานในไตรมาส2 ปี 2566 (ตอนครึ่งปีแรกเป็นตอนๆหาแผนการใหม่มาเพิ่มเติม backlog) ชี้แนะ “ซื้อ” ราคาจุดมุ่งหมาย 156.00 บาท


แหล่งที่มา kaohoon.com