“ttb analytics” แนะผู้บริการ “สถานีชาร์จไฟฟ้า” เร่งติดตั้งเครื่อง ฉวยจังหวะรถอีวีบูม



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (1 มิ.ย.66) ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีทีบี หรือ  ttb analytics มองการเปลี่ยนผ่านภูมิทัศน์ของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยไปสู่ฐานผลิตรถ EV อย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้ประกอบการขนาดใหญ่ทั้งในและนอกอุตสาหกรรมเริ่มปรับตัวและเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า นับตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ โดยเฉพาะการลงทุนที่ชาร์จรถ EV ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นของอุตสาหกรรม โดย ttb analytics ประเมินว่า จุดชาร์จ EV สาธารณะทั่วประเทศสะสมทั้งแบบกระแสสลับ และแบบกระแสตรง จะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 29.1% ซึ่งจะทำให้ไทยมีจำนวนที่ชาร์จ EV สะสมแตะ 10,000 หัวจ่ายได้ในปี 2569

สำหรับผู้ประกอบกิจการแล้ว การลงทุนเริ่มต้นสำหรับเพื่อการจัดตั้งที่ชาร์จ EV เชิงการค้ายังมีต้นทุนค่อนข้างจะสูง จากอัตราคืนทุนสำหรับในการลงทุนที่ชาร์จแบบไฟฟ้ากระแสสลับ รวมทั้งไฟฟ้ากระแสตรงที่คาดว่าจะอยู่ที่ 1.0-2.9 ปี รวมทั้ง 2.3-7.0 ปี เป็นลำดับ โดยเหตุนี้ผู้ประกอบธุรกิจควรจะพิจารณาถึงข้อดีเสียเปรียบด้านสถานที่ก่อนที่จะทำการตัดสินใจลงทุน ดังเช่นว่าการต่อว่าดตั้งจุดชาร์จเพื่อต่อยอดรายได้ของธุรกิจหลัก ซึ่งนอกเหนือจากที่จะช่วยสร้างรายได้ทางตรงจากค่าอัดประจุไฟฟ้าแล้ว ยังช่วยเพิ่มรายได้ทางอ้อมแก่ธุรกิจหลักจากการเข้ามาใช้บริการระหว่างชาร์จได้อีกทางหนึ่ง

ท่ามกลางเทรนด์ยานยนต์กระแสไฟฟ้าที่กำลังเดินทางมาแรงและก็เติบโตอย่างเร็วทั่วทั้งโลก ทำให้ไทยซึ่งมีลักษณะเด่นด้านห่วงโซ่การสร้างอุตสาหกรรมยานยนต์เริ่มแรกหวังจะเปลี่ยนแปลงไปสู่ฐานผลิตรถยนต์ EV ที่แกร่งของภูมิภาค โดยวางเป้าผลิตรถยนต์ EV ให้ได้ 30% ของการสร้างรถยนต์ทั้งสิ้นในประเทศหรือโดยประมาณ 750,000 คันในอีกไม่ถึง 10 ปีด้านหน้า ซึ่งจะมีผลให้การลงทุนในห่วงโซ่การสร้างรถยนต์ EV หลั่งไหลเข้าไทยอย่างไม่ขาดสายผ่านการผลักดันและส่งเสริมการลงทุนของบีโอไอ หรือ BOI ครอบคลุมสิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่ผู้สร้าง การละเว้นอากรค่าธรรมเนียม รวมทั้งการลดภาษีนำเข้า ฯลฯ

โดยมองเห็นได้จากยอดนำเข้ารถยนต์นั่ง EV จากจีนที่รีบขึ้นเกือบจะ 5 เท่า จาก 78.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 64 เป็น 456.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 65 สอดคล้องกับยอดขึ้นทะเบียนใหม่รถยนต์นั่ง EV (รย.1) ในไตรมาส 1/66 ที่สูงถึง 12,989 คัน หรือขยายตัว 95.9% เมื่อเทียบกับตอนเดียวกันของปีกลายหน้า ระหว่างที่ยอดจำหน่ายรถยนต์นั่ง EV เทียบกับยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่ ก็ครอบครองส่วนแบ่งการตลาดมากขึ้นถึง 4% เมื่อเทียบกับสิ้นปีที่แล้วเพียงแต่ 0.05% ทั้งปริมาณยอดลงบัญชีใหม่รถยนต์นั่ง EV กระจัดกระจายสู่หัวเมืองใหญ่ๆดังเช่นว่า จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดภูเก็ต จังหวัดชลบุรี และก็ขอนแก่น มากขึ้นถึง 7 เท่าตัวในตอนไม่กี่ปีที่ล่วงเลยไป

ดังนี้ในระยะถัดไป ttb analytics เห็นว่า ยอดจำหน่ายรถยนต์ EV มีทิศทางเติบโตเฉลี่ยแล้วปีละ 28.8% ตามการเปลี่ยนผ่านภูมิทัศน์ของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไปสู่ฐานผลิตรถยนต์ EV อย่างเร็ว ก่อนที่จะเข้ามากลืนยอดจำหน่ายรถยนต์เครื่องจักรการเผาผลาญข้างใน แล้วก็รถยนต์กระแสไฟฟ้าแบบแทงปลั๊กไฟ ที่บางทีอาจหดตัวถึงปีละ 9.6% และก็ 6.6% โดยคาดว่าในปี 2569 ยอดลงบัญชีรถยนต์นั่ง EV สะสมจะมากถึง 2.92 แสนคันทั่วทั้งประเทศ

ฉะนั้นเมื่อตลาด EV ในประเทศเติบโตอย่างเร็ว แน่ๆว่า อุตสาหกรรมพลังงานเป็นอุตสาหกรรมแรกๆที่กำลังจะได้รับผลพวงจากความปรารถนาใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่มีลัษณะทิศทางชะลอตัวในอีกไม่กี่ปีด้านหน้า ทำให้ผู้สร้างรวมทั้งจัดจำหน่ายน้ำมันค้าปลีกควรต้องรีบปรับพฤติกรรมและก็สืบหาจังหวะทางธุรกิจใหม่ๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากโครงข่ายธุรกิจสถานีบริการน้ำมันหรือปั๊มน้ำมัน ที่อดทนบนทางจุดแวะพักที่สำคัญที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วราชอาณาจักรอย่างการต่อว่าดตั้งจุดให้บริการอัดประจุไฟฟ้าข้างในปั๊มน้ำมัน เหมือนกับผู้ประกอบธุรกิจนอกอุตสาหกรรมที่เริ่มใช้ประโยชน์จากพื้นที่เชิงการค้าสำหรับเพื่อการให้บริการจุดชาร์จ EV กันอย่างรื่นเริงผ่านโครงข่ายห้าง แฟรนไชส์ร้านขายปลีก รวมทั้งบังกะโล เพื่อเพิ่มแรงบันดาลใจทางอ้อมต่อผู้ใช้รถยนต์ที่จะเวียนเข้ามาใช้บริการที่ชาร์จ EV เยอะขึ้น สอดคล้องกับปริมาณที่ชาร์จ EV ทั้งประเทศที่มากขึ้นมากมายในพื้นที่ต่างๆในตอน 1-2 ปีให้หลัง

ดังนี้ ข้อมูลที่ได้รับมาจากสัมพันธ์ยานยนต์กระแสไฟฟ้า พบว่าในปลายปี 2565 ปริมาณสถานีชาร์จ EV ทั่วราชอาณาจักรอยู่ที่ 1,239 ที่ โดยเป็นจุดชาร์จ EV แบบไฟฟ้ากระแสสลับ ทั้งหมด 2,404 หัวจ่าย แบบไฟฟ้ากระแสตรง 1,342 หัวจ่าย แล้วก็มากยิ่งกว่าครึ่งเดียวอยู่ภายในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร รวมทั้งละแวกใกล้เคียง ที่เหลือกระจัดกระจายออกไปตามหัวเมืองใหญ่แล้วก็เมืองทางผ่าน ถ้าเกิดดูไปด้านหน้า ttb analytics ประเมินว่า จุดชาร์จรถยนต์ EV สาธารณะทั่วราชอาณาจักรสะสมทั้งยังแบบ AC รวมทั้ง DC จะมากขึ้นเฉลี่ยแล้วปีละ 29.1% ในระหว่างปี 2566-2569 ซึ่งจะก่อให้ปริมาณที่ชาร์จสะสมสัมผัส 10,000 หัวจ่ายได้ในปี 69 สอดคล้องกับเป้าระยะยาวสำหรับเพื่อการจัดตั้งจุดชาร์จรถยนต์ EV ของผู้ประกอบกิจการในอุตสาหกรรม

ผู้ประกอบธุรกิจควรจะแสวงช่องทางทางธุรกิจในระหว่างการใช้บริการที่ชาร์จรถยนต์ EV โดยจากการเล่าเรียนของ Electric Power Research Institute พบว่า การกระทำของผู้ใช้รถยนต์ EV กว่า 80% ชาร์จที่บ้าน รวมทั้งอีก 20% ชาร์จนอกบ้าน ซึ่งการชาร์จนอกบ้านอาจไม่พ้นการชาร์จขณะที่ทำธุระ และก็การชาร์จระหว่างเดินทางไกล ด้วยเหตุนั้น ผู้ประกอบกิจการจึงต้องควรเลือกที่ชาร์จรถยนต์ EV ให้เหมาะสมกับพื้นที่และก็ช่องทางทางธุรกิจ เช่น เครื่องชาร์จ EV กระแสไฟตรงแบบเร็วที่ใช้เวลาชาร์จเพียงแค่ไม่กี่นาที เหมาะสมกับจุดชาร์จแบบ Stand-alone บนทางถนนหลักหรือถนนหลวงต่างๆอาทิเช่น การต่อยอดจุดชาร์แบตเตอรี่ฟ้าจากธุรกิจปั๊มน้ำมันในตอนนี้

ส่วนเครื่องชาร์แบตเตอรี่ฟ้าไฟฟ้ากระแสสลับระดับ 1 เหมาะสมกับร้านค้าย่อย ห้องอาหาร ธุรกิจให้เช่าที่จอดรถรายชั่วโมง หรือธุรกิจบริการอื่นๆเพราะว่าเครื่องชาร์จชนิดดังที่กล่าวถึงมาแล้วเหมาะสมกับการอัดประจุในเวลา 1-2 ชั่วโมง ซึ่งพอเพียงต่อการใช้บริการในธุรกิจหลักของผู้ประกอบกิจการ แม้กระนั้นสำหรับเครื่องชาร์จ แบบไฟฟ้ากระแสสลับระดับ 2 ซึ่งสามารถจ่ายกำลังไฟได้สูงสุดถึง 22 KW ก็อาจมากเกินจำเป็นสำหรับรถยนต์ EV เดี๋ยวนี้ที่จำนวนมากยังรองรับการชาร์จแบบ AC ได้ไม่เกิน 7.4 KW ทั้งเครื่องชาร์จแบบ AC level 2 ขนาด 22 KW ก็ราคาแพงสูงขึ้นมากยิ่งกว่าเครื่องชาร์จแบบ AC level 1 ถึง 20-50%

ถึงแม้การลงทุนที่ชาร์จรถยนต์ EV ในเชิงการค้าดูเหมือนน่าดึงดูดไม่น้อย แต่ว่าการหาเงินจากการลงทุนที่ชาร์จ เพียงอย่างเดียวมีความท้าแก่ผู้ประกอบกิจการขนาดเล็กพอเหมาะพอควร เพราะว่าค่าการลงทุนเริ่มต้นออกจะสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนที่ชาร์จแบบ DC Fast Charge ที่สูงกว่าที่ชาร์จแบบ AC ออกจะมากมาย ประกอบกับอุปสงค์ที่ไม่แน่นอนในตอนที่ตลาดรถยนต์ EV ยังพึ่งเริ่ม ttb analytics ก็เลยประเมินว่า โดยเฉลี่ยอัตราการใช้คุณประโยชน์ จากที่ชาร์จรถยนต์ EV ในปีแรกๆจะอยู่ที่ 10% ก่อนที่จะมากขึ้นจนกระทั่งแตะต้องระดับการใช้ที่ 30% ทำให้อัตราคืนทุนต่อ 1 จุดชาร์จแบบ AC level 1 อยู่ที่ 1.0-2.9 ปี ส่วนที่ชาร์จแบบ DC Fast Charge อยู่ที่ 2.37.0 ปี เพราะฉะนั้น การลงทุนจุดชาร์จรถยนต์ EV ในระยะเริ่มต้นก็เลยบางทีอาจเหมาะสมกับการจัดสรรพื้นที่ต่อยอดจากธุรกิจหลัก เพื่อเพิ่มรายได้แก่ธุรกิจทางอ้อมและก็สร้างการรับทราบในรูปภาพรวม

โดยสิ่งจำเป็นที่ผู้ประกอบกิจการจึงควรไตร่ตรองแบรนด์ของผู้ให้บริการจัดตั้งจุดชาร์จรถยนต์ EV ที่มีโครงข่ายแพลตฟอร์มบนหน้าแอปพลิเคชันที่มีชื่อเสียงในวงกว้าง ซึ่งนอกเหนือจากการที่จะช่วยลดความยุ่งยากสำหรับการรักษาข้างหลังแนวทางการขายแล้ว ยังช่วยสร้างการรับทราบให้ธุรกิจหลักมีชื่อเสียงเพิ่มมากขึ้นผ่านการโฆษณาบนแอปพลิเคชันแพลตฟอร์มที่ชาร์จรถยนต์ EV อีกด้วย


แหล่งที่มา kaohoon.com