โบรกมอง “ธปท.” คุมเข้มสินเชื่อ BBL-KTB ไร้กระทบ

หุ้น KTB (SET) | KTB | ข่าวหุ้นวันนี้ KTB | ข่าวหุ้น ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)| ข่าวหุ้นวันนี้ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) | หุ้น KRUNG THAI BANK PUBLIC COMPANY LIMITED | ข่าวหุ้น KRUNG THAI BANK PUBLIC COMPANY LIMITED | ข่าวหุ้นวันนี้ KRUNG THAI BANK PUBLIC COMPANY LIMITED


ผู้สื่อข่าวรายงาน อ้างอิงแหล่งข่าวจากธุรกิจเช่าซื้อไทย กล่าวว่า สมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทยได้มีการประชุมร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อเตรียมความพร้อมการกำกับดูแลธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ โดยเบื้องต้นภายในกลางเดือน มิ.ย. จะเริ่มมีการทำ Focus Group หารือประกาศ ธปท. และแบบรายงานข้อมูลสำหรับกลุ่มบริษัทลูกของธนาคารพาณิชย์, ผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร (นอนแบงก์) และ captive finance

ดังนี้คาดว่าข้างใน 1 เดือนสิงหาคม พระราชกฤษฎีกาจะสามารถประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาได้ และก็จะแจกแจง รวมทั้งยอมรับฟังความเห็น (Hearing) คาดจะใช้เวลาทั้งหมดทั้งปวง 90 วัน ซึ่งจะมีผลให้ พระราชกฤษฎีกา จะมีผลบังคับใช้ใน 1 พฤศจิกายน

โดยจากกรณีดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้ว บล.ดาโอ (เมืองไทย) เจาะจงในบทวิจารณ์ (6 ไม่.ย.66) มีมุมมองเป็นกลาง เนื่องมาจาก 1) คณะรัฐมนตรี มีการอนุมัติร่าง พระราชกฤษฎีกา ควบคุมธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์และก็ลีสซิ่งอยู่ใต้ข้อบังคับสถาบันการเงิน ให้สิทธิธนาคารชาติดูแลพิจารณาได้ตั้งแต่ มี.ค. 66 ก่อนหน้านี้แล้ว, 2) ประเมินว่าการเข้ามาควบคุมในคราวนี้จะเป็นการควบคุมด้านการปฏิบัติงาน รวมทั้ง market conduct ให้มีความโปร่งสบายใส และก็เทียบได้มากขึ้น

ตอนที่ 3) คาดว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย จะยังไม่เข้ามาควบคุมอัตราค่าดอกเบี้ยเช่าซื้อเพิ่มเติมอีกจากที่ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคควบคุมในตอน เดือนมกราคม 66 ก่อนหน้านี้ (รถยนต์ใหม่ 10% รถยนต์เก่า 15% แล้วก็รถมอเตอร์ไซค์ 23%) เหตุเพราะ ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้เป็นเลิศในกรุ๊ปที่ได้ทำ hearing ตอนที่ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค จะทำควบคุมในปี 65

สำหรับกรุ๊ป Finance มองดูเป็นกลาง โดยคาดว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้โอกาสที่จะเป็นการควบคุมด้านค่าเสียหาย และก็หลักเกณฑ์ LTV มากเพิ่มขึ้น ซึ่งในตอนนี้ผู้ประกอบกิจการสินเชื่อเช่าซื้อได้ทยอยเปลี่ยนแปลงลักษณะการทำงานให้มีระบบระเบียบเยอะขึ้น และได้ปรับลด LTV เป็น 80-90% (เดิม 100%) รวมทั้งเพิ่มเงินดาวน์ ภายหลังที่มีการควบคุมอัตราค่าดอกเบี้ยตั้ง แต่ว่า เดือนมกราคม ก่อนหน้าที่ผ่านมาแล้ว

ดังนี้คงจะน้ำหนักการลงทุนกรุ๊ป Finance “มากยิ่งกว่าตลาด” จาก NPL ที่จะผ่านจุดสุดยอดในไตรมาส 2/66 แล้วก็จะทยอยดียิ่งขึ้นตอนช่วงหลังของปี 66 ทำให้ผู้ประกอบธุรกิจสามารถรีบปลดปล่อยสินเชื่อเพิ่มมากขึ้น และทุนทางด้านการเงินที่จะมากขึ้นในอัตราที่ชะลอลง ภายใต้ข้อสมมติที่ กนง.จะไม่เพิ่มอัตราค่าดอกเบี้ยหลักการในช่วงหลังของปี 66 จากเงินเฟ้อที่ดียิ่งขึ้น โดยมี top pick เป็น บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR (ชี้แนะซื้อ ราคาวัตถุประสงค์ 33.00 บาท)

สำหรับกรุ๊ปแบงค์ดูเป็นกลางถ้ามีการปรับมาตรฐานเฉพาะเรื่อง market conduct ด้วยเหตุว่ากรุ๊ปแบงค์อยู่ภายใต้ ธนาคารแห่งประเทศไทย ที่มีความเข้มงวดกวดขันอยู่แล้ว แต่ว่าถ้าเกิดมีการควบคุมเรื่องค่าเสียหาย หรือ LTV ก็จะเป็น sentiment แง่ลบต่อกรุ๊ปแบงค์ที่มีบริษัทลูกของธนาคารพาณิชย์ทำธุรกิจลีสซิ่ง ตัวอย่างเช่น KLeasing (แบงค์เกษตรกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK), T-Leasing (แบงค์ทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) TTB), SCB Leasing (แบงค์ไทยการค้าขาย จำกัด (มหาชน), KTB Leasing (แบงค์กรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB) และก็ Hi-Way (บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกลุ่ม จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO) ได้

โดยยังคงจะต้องดูกรยละเอียดเพิ่มจาก ธนาคารแห่งประเทศไทย อีกที ดังนี้ยังคงน้ำหนักกรุ๊ปแบงค์เป็น “มากยิ่งกว่าตลาด” แล้วก็เลือก แบงค์กรุงเทวดา จำกัด (มหาชน) หรือ BBL (ชี้แนะซื้อ ราคาจุดหมาย 195 บาท) แล้วก็ แบงค์กรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB เสนอแนะซื้อ ราคาจุดหมาย 21 บาทเป็นท็อปพิกกลุ่ม


แหล่งที่มา kaohoon.com