BA บวก 3% สวนตลาดฯ มั่นใจกำไรปีนี้ทะยานทุกไตรมาส โบรกฯแนะซื้อเคาะเป้าสูง 20 บ.

หุ้น BA (SET) | BA | ข่าวหุ้นวันนี้ BA | ข่าวหุ้น บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)| ข่าวหุ้นวันนี้ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) | หุ้น BANGKOK AIRWAYS PUBLIC COMPANY LIMITED | ข่าวหุ้น BANGKOK AIRWAYS PUBLIC COMPANY LIMITED | ข่าวหุ้นวันนี้ BANGKOK AIRWAYS PUBLIC COMPANY LIMITED


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (6 ก.ค.66) ราคาหุ้นบริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA ล่าสุด ณ เวลา 10:54 น. อยู่ที่ระดับ 15.20 บาท บวก 0.40 บาท หรือ 2.70% สูงสุดที่ระดับ 15.20 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 14.80 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 31.19 ล้านบาท

โดยที่ผ่านมา นายความมั่งคั่งวงศ์ วังทองคำยารักษาโรค ผู้ตัดสินผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทวดา จำกัด (มหาชน) หรือ BA เผยกับ “ข่าวสารหุ้นธุรกิจ” ถึงแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/2566 (เม.ย.-ไม่.ย. 2566) ว่า จากการคาดคะเนภาพรวมเวลานี้ มั่นใจว่าผลประกอบการจะออกมาเป็นที่ถูกใจ รวมทั้งมั่นใจว่า BA จะมีผลกำไรมากขึ้นทุกไตรมาสในปี 2566 โดยไตรมาส 1/2566 BA มีกำไรทั้งสิ้น 875.09 ล้านบาท มากขึ้น 185.8% จากตอนเดียวกันของปีกลายที่ขาดทุนสุทธิ 1,020 ล้านบาท มีรายได้รวม 5,743 ล้านบาท มากขึ้น 238.2%

ในช่วงเวลาที่ ผลประกอบการตลอดปี 2566 BA คงจะเป้าขนส่งผู้โดยสารที่ 4.4 ล้านคน มีรายได้จากการขนส่งผู้โดยสารที่ 1.5 หมื่นล้านบาท แม้กระนั้นจะมีผลกำไรสูงขึ้นมากยิ่งกว่าปี 2562 ตอนก่อนมีการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสวัววิด-19 ที่ BA มีการขนส่งผู้โดยสาร 5.8 ล้านคน มีรายได้จากการขนส่งผู้โดยสาร 1.9 หมื่นล้านบาท รวมทั้งมีกำไรทั้งสิ้น 356.7 ล้านบาท ถึงแม้ปริมาณผู้โดยสารและก็รายได้จะยังไม่กลับไปเสมอกันกับปี 2562

ด้วยเหตุว่าในปี 2566 มีเหตุหนุนจากการที่ BA ปรับเปลี่ยนโครงสร้างบริษัท เนื่องมาจากเหตุการณ์วัววิด-19 ทำให้บริหารเงินลงทุนก้าวหน้าขึ้น ทั้งเดี๋ยวนี้ BA ใช้เรือบินเพียงแค่ 20 ลำ ระหว่างที่ปี 2562 ใช้เรือบิน 40 ลำ ทำให้ทุนในปีนี้ต่ำมากมายถ้าเกิดเทียบกับปี 2562

นอกเหนือจากนี้ ยังมีเหตุที่นักเดินทางฟื้นดีตลอด มีความต้องการเดินทางทางอากาศสูง ช่วงเวลาที่สายการบินยังมีความรู้ความสามารถจำกัดสำหรับการให้บริการ เนื่องจากว่าพบผลพวงจากการแพร่ระบาดของวัววิดก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา ทำให้ราคาตั๋วโดยสารสูงมากขึ้นตามหลักกลไกตลาด โดยในตอนไตรมาส 3/2566 (กรกฎาคม-เดือนกันยายน 2566) มียอดจองล่วงหน้า (Booking) มากถึง 30-40% แล้ว แต่ว่า BA ยังคงดำเนินธุรกิจแบบระแวดระวัง เพราะเหตุว่าเหตุการณ์บางทีอาจผันแปรได้ตลอดระยะเวลา ดังเช่นว่า วัววิดบางทีอาจกลับมาแพร่ระบาดใหม่ ฯลฯ

แม้กระนั้น ในกรกฎาคม 2566 BA จะกลับไปเปิดให้บริการทางบินเดิมอีก 3 ทางภายหลังที่หยุดให้บริการไปตอนเหตุการณ์วัววิด เป็น1. สมุย-ประเทศฮ่องกง ซึ่งมั่นใจว่าจะได้รับการตอบกลับที่ดีจากผู้โดยสารทั้งยังคนจีนแล้วก็ยุโรป, 2. สมุย-เฉิงตู รวมทั้ง3. สมุย-ฉงชิ่ง

โดยทางเฉิงตูและก็ฉงชิ่งยังอยู่ระหว่างรอคอยการอนุญาตตารางการบินจากทางการจีน คาดว่าบางทีก็อาจจะเปิดบริการได้ภายหลังจากก.ค.น้อย ช่วงเวลาที่ตอนที่เปิดบริการทางเฉิงตูและก็ฉงชิ่ง ก่อนกำเนิดเหตุการณ์วัววิด มีอัตราส่วนการขนส่งผู้โดยสาร (Load factor) เฉลี่ย 80% ซึ่งคาดว่าการกลับมาเปิดบริการอีกทีในรอบนี้ก็จะเป็นที่นิยมดังเช่นเดิม โดยตอนนี้ผู้โดยสารคนจีนมีรูปร่างที่ 8-10% ของผู้โดยสารทั้งหมดทั้งปวงของ BA

ยิ่งกว่านั้น BA ยังอยู่ระหว่างการพัฒนาท่าอากาศยานที่เป็นเจ้าของอีกทั้ง 3 ที่เป็นท่าอากาศยานสมุย, จังหวัดตราด และก็จังหวัดสุโขทัย โดยยิ่งไปกว่านั้นท่าอากาศยานจังหวัดตราดที่ที่ผ่านมามีสายการบินจีนติดต่ออยากได้ใช้บริการเข้ามามากมาย แม้กระนั้น BA ไม่อาจจะรองรับได้ ด้วยเหตุว่าทางวิ่ง (รันเวย์) เดี๋ยวนี้สามารถรองรับชุดแต่งกายใบพัด ATR-72 ปริมาตรผู้โดยสาร 74 ที่นั่งเพียงแค่นั้น ไม่สามารถที่จะรับเรือบินที่ขนาดใหญ่กว่านั้นได้ โดยเหตุนั้น BA ก็เลยมีแผนสำหรับการขยายรันเวย์ท่าอากาศยานจังหวัดตราด วงเงินโดยประมาณ 1,000 ล้านบาท เพื่อรองรับเรือบินแอร์บัส A320 ปริมาตรโดยประมาณ 168 ที่นั่งได้ โดยจะเริ่มการก่อสร้างสิ้นปีนี้ ใช้เวลาราว 2 ปี เสร็จ

ส่วนท่าอากาศยานสมุยนั้น ตอนนี้มีส่วนประกอบเบื้องต้นพร้อมแล้ว แล้วก็อาจจะไม่อาจจะขยายสิ่งใดได้เพิ่ม เนื่องจากความจำกัดของพื้นที่ โดยเหตุนี้ BA ก็จะเพิ่มในส่วนสิ่งบริการเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสาร รวมทั้งท่าอากาศยานจังหวัดสุโขทัยที่เป็นศูนย์ฝึกฝนการบินด้วย ก็จะมีการพิเคราะห์เพิ่มอุปกรณ์สำหรับอำนวยความสะดวกเช่นเดียวกัน

ด้านธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งมีอยู่ 3 ธุรกิจเป็นธุรกิจห้องครัวการบิน บริการพื้นทวีป รวมทั้งธุรกิจตึกรับภาระหนี้สินระหว่างชาติ โดยทั้งสิ้นจะหมดสัญญาในปี 2569 นั้น ในตอนนี้ BA อยู่ระหว่างคอยความแจ่มชัดจากสนามบินสุวรรณภูมิว่าจะใช้กระบวนการใด ดังเช่นว่า เปิดประกวดราคาใหม่ หรือต่อสัญญากับผู้ประกอบกิจการรายเดิม ด้วยเหตุว่าในข้อตกลงเดิมกล่าวว่าควรมีการแจ้งหรือพูดจาล่วงหน้าก่อนหมดสัญญา 5 ปี แม้กระนั้นในตอนนี้ BA ยังมิได้รับการติดต่อมา แม้กระนั้น BA ปราศจากความกังวลใจถ้าหากใช้แนวทางเปิดประกวดราคาใหม่ เนื่องจากว่าแน่ใจว่ามีประสบการณ์ มีความสามารถ แล้วก็มีความสนิทสนมกับภาวะท่าอากาศยาน เพราะเหตุว่าเป็นผู้ให้บริการมาเกือบจะ 20 ปี นับตั้งแต่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเปิดบริการแล้ว ซึ่งเป็นข้อเด่นกว่าคู่แข่งขัน

สำหรับในกรณีที่บริษัท สนามบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT จะเปิดประกวดราคาหาผู้ประกอบการายที่ 3 มารับงานบริการพื้นแผ่นดินที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพิ่มจากบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI รวมทั้ง BA นั้น BA ก็ไม่ได้กลุ้มอกกลุ้มใจว่าจะมีผลกระทบต่อผลประกอบการ เพราะว่าปัจจุบันนี้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิยังขาดแคลุกลนผู้ให้บริการพื้นทวีป เพราะเหตุว่าผู้โดยสารฟื้นเร็วมาก ในเวลาที่ลูกค้ารายเดิมของ BA ก็ยังคงเลือกใช้บริการ BA อยู่ แล้วก็มีลูกค้ารายใหม่เข้ามาเพิ่มอีกด้วย โดยงานบริการพื้นทวีปเดี๋ยวนี้ BA มีลูกค้า 77 ราย ในปริมาณนี้เป็นรายใหม่ 5 ราย

นายความมั่งคั่งเหล่ากอ เอ่ยถึงความก้าวหน้าโครงงานปรับปรุงท่าอากาศยานอู่เรือสำเภาฯ ปัจจุบันเป็นห้องประชุมคณะรัฐมนตรี (คณะรัฐมนตรี) ตอนวันที่ 6 เดือนมิถุนายน 2566 ได้รับรู้ผลของการพูดจาแก้ไขคำสัญญาแผนการฯ ระหว่าง UTA ซึ่งเป็นคู่สัญญาร่วมหุ้น (PPP Net Cost) กับที่ทำการคณะกรรมการแนวนโยบายเขตพิเศษภาคทิศตะวันออก (สกพอ.) ดังเช่น การปรับเฟสการลงทุนจากเดิม 4 เฟส เป็น 6 เฟส เพื่อสอดคล้องกับเดาผู้โดยสารข้างหลังมีการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสวัววิด-19 แม้กระนั้นรวมแล้วยังสามารถรองรับผู้โดยสารถึงที่เหมาะ 60 ล้านคนต่อปียกตัวอย่างเช่นเดิม การปรับหลักเกณฑ์การจัดสรรรายได้ของเอกชนคู่สัญญา ฯลฯ ซึ่งตอนนี้จำต้องคอยทางสกพอ.ว่าจะมีการทำเนื้อหาที่ปรับปรุงแก้ไขยังไง แต่ว่ามั่นใจว่าไม่ต้องแก้ข้อตกลงแล้วลงชื่อใหม่ ด้วยเหตุว่าสาระสำคัญหลักของข้อตกลงยังเป็นอย่างเช่นเดิม

ดังนี้ จากเหตุการณ์ปัจจุบันในขณะนี้ BA ประเมินว่าข้างเมืองคงจะสามารถออกหนังสือให้เริ่มงาน (NTP) แผนการปรับปรุงท่าอากาศยานอู่เรือตะเภาฯ ได้ราวๆต้นปี 2567 จากเดิมที่ประเมินว่าจะสามารถออก NTP ได้ข้างในไตรมาสแรกของปี 2566 เพราะโครงงานฯ ยังมีงานอื่นที่เกี่ยวเนื่องกันและก็จำเป็นต้องคอยตามขั้นตอน อาทิเช่น การประกวดราคาการก่อสร้างรันเวย์ที่ 2 ท่าอากาศยานอู่เรือสำเภา ซึ่งทัพเรือเป็นผู้จะรับผิดชอบแล้วก็อยู่ระหว่างประกวดราคา แผนการก่อสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อมสามท่าอากาศยาน รวมทั้งการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลพวงสภาพแวดล้อมรวมทั้งสุขภาพ (EHIA) ที่พึ่งจะเสร็จ

แต่ ถึงแม้รถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อมสามท่าอากาศยานจะก่อสร้างชักช้า แม้กระนั้นก็จะไม่ทำให้เกิดผลเสียต่อการให้บริการของแผนการปรับปรุงท่าอากาศยานอู่เรือสะเภาฯ เนื่องจากว่าการให้บริการที่ท่าอากาศยานอู่เรือสะเภาไม่ได้คอยเพียงแค่ผู้โดยสารที่เดินทางมาพร้อมกับขบวนรถไฟความเร็วสูงเพียงแค่นั้น เพียงแค่เป็นองค์ประกอบหนึ่งที่สามารถจะช่วยขนส่งผู้โดยสารสู่ท่าอากาศยานอู่เรือสะเภา และก็เพิ่มความสบายแก่ผู้โดยสารสำหรับในการเดินทางเชื่อมทั้งยัง 3 ท่าอากาศยาน (ดอนมือง-สุวรรณภูมิ-อู่เรือสะเภา) ส่วนท่าอากาศยานอู่เรือตะเภาที่ UTA รับผิดชอบ เมื่อเปิดให้บริการและก็ควรมีการผลิตโครงข่ายทางการบินใหม่และก็สร้างผู้โดยสารใหม่ด้วยตัวเอง

สำหรับเพื่อการลงทุนในแผนการปรับปรุงท่าอากาศยานอู่เรือสะเภาฯ เฟสที่ 1 มีวงเงินราว 40,000 ล้านบาท โดยแต่ละรายจะลงทุนตามรูปร่างการมีหุ้นส่วนใน UTA ซึ่ง BA อยู่ที่ 45% โดยการเพิ่มทุน UTA ปัจจุบันจาก 4,500 ล้านบาท เป็น 15,000 ล้านบาท ซึ่ง BA จำต้องใส่เงินเพิ่มทุนอีกโดยประมาณ 4,725 ล้านบาทนั้น ก็เป็นการวางแผนไว้เพื่อการเริ่มงานเฟสที่ 1 ดังที่กล่าวมาข้างต้น โดย BA จะใช้เงินจากเงินลงทุนของ BA นิดหน่อย รวมทั้งกู้จากสถาบันการเงินนิดหน่อย ซึ่งรับรองว่า BA มีความพร้อมเพรียงต่อการลงทุนแน่ๆ โดยเดี๋ยวนี้ BA มีอัตราส่วนหนี้ต่อทุน (D/E) ที่ 2.46 เท่า รวมทั้งมีความเกี่ยวเนื่องที่ดีกับหลายสถาบันการเงิน

กล่าวเพิ่มเติมอีกถึงแผนการปรับปรุงท่าอากาศยานอู่เรือสำเภาและก็เมืองการบินภาคทิศตะวันออก ค่า 2.9 แสนล้านบาท ว่า BA มีแผนสำหรับการนำบริษัท อู่เรือสะเภา ระหว่างชาติ เอวิเอชั่น จำกัด (UTA) เข้าลงบัญชีในตลาดหุ้นที่เมืองไทย ภายหลังที่การก่อสร้าง เฟสที่ 1 (รองรับที่ 12 ล้านคนต่อปี) เสร็จสมบูรณ์แล้ว ซึ่งคนรับงานโครงงานฯ สามารถนำ UTA เข้าขึ้นทะเบียนในตลาดค้าหุ้นฯ ได้ ด้วยเหตุว่าข้อจำกัดในเอกสารการคัดสรรเอกชน (RFP) บอกว่าสามารถปฏิบัติได้ เพื่อ UTA ได้ระดมทุน แล้วก็เข้าถึงแหล่งเงินทุนง่ายมากยิ่งขึ้น จากการรับงานสัมปทาน 50 ปี

อย่างไรก็ดี การนำ UTA เข้าลงบัญชีในตลาดหลักทรัย์ฯ ยังมีต้นเหตุหลายประการที่จำเป็นต้องไตร่ตรอง รวมทั้งควรมีการปรึกษากันระหว่างผู้ร่วมหุ้นเป็นBA มีหุ้นส่วน 45% บริษัท บีทีเอส กลุ่ม โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS มีหุ้น 35% แล้วก็บริษัท สิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC มีหุ้นส่วน 20% ให้มีความแจ้งชัดด้วยกันก่อนว่าควรที่จะนำ UTA เข้าลงบัญชีในตลาดหุ้นฯ หรือเปล่า เช่นไร รวมถึงใคร่ครวญตอนที่สมควร ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาไม่ต่ำลงยิ่งกว่า 3 ปีจากนี้

บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ปรับราคาเพิ่มขึ้นวัตถุประสงค์ BA เป็น 20 จาก 18 บาท (SoTP) เพื่อสะท้อนแนวโน้มธุรกิจสายการบินที่ดียิ่งขึ้น BA มีการจำหน่ายในระดับการคาดการณ์ราคาที่ต่ำเพียงแต่ 17 เท่า ของค่า P/E มั่นใจว่าหุ้นได้โอกาสที่จะปรับขึ้นได้จากองค์ประกอบของ BDMS แล้วก็ท่าอากาศยานสมุยที่มีการประมาณคุณค่าในระดับค่อนข้างสูง

พร้อมปรับเพิ่มประมาณผลกำไรธรรมดาปี 2566 ขึ้น 49% เป็น 1.4 พันล้านบาท เพื่อสะท้อนเป้าคาดการณ์ของประธานปัจจุบันที่คาด Load Factor ในอัตราที่สูงขึ้นเป็น 76-77% (จาก 73%) รวมทั้งค่าบัตรขึ้นรถเฉลี่ยที่ 3,500 บาท (จาก 3,400 บาท) บริษัทอาจจะข้อสมมติจำนวนผู้โดยสารไว้ที่ 4.4 ล้านคน คิดเป็น 75% ของระดับก่อนวัววิด pent-up demand ที่สูงเกินคาดของนักเดินทางจีน ซึ่งคิดเป็นโดยประมาณ 10-15% ของรายได้ในปี 2562

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ชี้แนะ “ซื้อ” หุ้น BA ราคาจุดมุ่งหมาย 16.90 บาท โดยมีเหตุบวกจากในกรณีที่คณะรัฐมนตรีรับรู้ผลของการสนทนาปรับแต่งคำสัญญาโครงงานปรับปรุงท่าอากาศยานอู่เรือสำเภาฯ เนื่องจากจะช่วยบรรเทาข้อแม้ต่างๆให้มีความยืดหยุ่นสำหรับในการลงทุนมากยิ่งขึ้น โดย BA ยังคงเป็นหุ้น Top pick กรุ๊ปการบิน จากต้นเหตุบวกที่ผลประกอบการไตรมาส 1/2566 รู้สึกตัวเป็นผลกำไรธรรมดาเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี รวมทั้งมีลักษณะท่าทางว่าผลประกอบการไตรมาส 2/2566 จะมีผลกำไรสม่ำเสมอ แต่ในระยะกึ่งกลาง (3-6 เดือนนี้) อาจมีการเสี่ยงจากการประลองธุรกิจการบินที่กลับมาร้ายแรง ซึ่งจะกระทบราคาตั๋วโดยสารได้ โดยบล.กรุงศรีฯ ประเมินว่าในปี 2566 BA จะมีรายได้โดยประมาณ 19,604 ล้านบาท กำไรทั้งสิ้น 1,456 ล้านบาท สูงยิ่งกว่าปี 2565 ที่มีรายได้ 11,305 ล้านบาท แล้วก็ขาดทุนสุทธิ 2,110.2 ล้านบาท

จากข้อมูล Consensus 6 โบรกเกอร์ ประเมินหุ้น BA ปี 2566 กำไรทั้งสิ้น 1,381.02 ล้านบาท ราคาวัตถุประสงค์เฉลี่ย 16.88 บาท ระหว่างที่ราคาแพงสุดอยู่ที่ 20 บาท


แหล่งที่มา kaohoon.com