“ตระกูลเจียรวนนท์” ครองแชมป์เศรษฐีไทย “จิราธิวัฒน์” ขยับขึ้นที่ 4 ทรัพย์สิน 4.32 แสนล้าน



Forbes Thailand เปิดเผย 50 อันดับมหาเศรษฐีไทย ประจำปี 2566 ระบุว่า เศรษฐกิจประเทศไทยฟื้นตัวจากการกลับมาของนักท่องเที่ยว ธนาคารแห่งประเทศไทยประมาณการเติบโตปีนี้อยู่ที่ 3.6% ผลการเลือกตั้งในเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา เป็นเรื่องน่าประหลาดใจยิ่งนักเมื่อพรรคก้าวไกลซึ่งเป็นที่นิยมให้หมู่คนรุ่นใหม่คว้าชัยชนะไปอย่างงดงาม

ในขณะอันบีบคั้น ยังคงไม่ชัดแจ้งว่าหัวหน้าพรรคก้าวหน้าที่นำโดยนายพิธา ลิ้มรุ่งโรจน์รัตน์ ซึ่งจบจากมหาวิทยาลัยดังอย่าง Harvard University จะสามารถกำความมีชัยในคราวนี้เพื่อก้าวสู่ตำแหน่งนายกฯได้ไหม ท่ามกลางความไม่เที่ยงนี้เอง ความร่ำรวยรวมของ 50 มหาเศรษฐีไทยก็มากขึ้นเกือบจะ 15% เป็น 1.73 แสนล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา

โดยรวมแล้วมีมหาเศรษฐีไทย 21 ผู้ที่เงินทองมากขึ้นจากปีที่ล่วงเลยไป มหาเศรษฐี 2 รายที่มีเปอร์เซ็นต์ความมั่งคั่งมากขึ้นอันเป็นผลมาจากการกลับมาของนักชอปฝรั่ง คนแรกเป็น นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา และก็ครอบครัว โดยครอบครัวดำเนินกิจการกรุ๊ปบริษัทผลิตภัณฑ์ไม่เสียภาษี King Power International ความรวยของนายอัยยวัฒน์แล้วก็ครอบครัวมากขึ้นกว่าเท่าตัวมาอยู่ที่ 3.5 พันล้านดอลลาร์ทวงคืนตำแหน่งในสิบขั้นตอนแรกโน่นเป็นชั้น 8

ส่วนอีกผู้ที่รับสมบัติพัสถานไปมากมายเป็น นางสาวศุภลักษณ์ บัว ผู้ดูแลอาณาจักรขายปลีกของครอบครัวอย่าง The Mall Group ซึ่งเป็นเจ้าของห้างชั้นหนึ่งเยอะแยะรวมทั้ง Siam Paragon รวมทั้ง EmQuartier โดยมีความร่ำรวย 2 พันล้านเหรียญ เพิ่มจากเดิมถึงสองเท่า

การนำบริษัทเข้าตลาดหุ้นได้สร้างผลตอบแทนให้สองมหาเศรษฐีบนทำเนียบหนึ่งเป็น นายวานิช ไชยวรรณะ ผู้มากมายด้วยประสบการณ์ในแวดวงรับรอง บริษัท ไทยสัญญาประกัน จำกัด (มหาชน) หรือ TLI ไปสู่ตลาดค้าหุ้นในปีที่ล่วงเลยไปโดยเป็นการ IPO ครั้งใหญ่ที่สุดของประเทศรายปี 2565 สร้างความมั่งมีของเขามากขึ้น 30% อยู่ที่ 3.9 พันล้านดอลลาร์

ด้านนายชัยวัฒน์ แต้ประเสริฐดงษ์ ที่ตายเมื่อ 30 ไม่.ย.ก่อนหน้าที่ผ่านมา หวนกลับสู่ทำเนียบข้างหลังห่างหายไปสองปีผลบุญจากการที่กรุ๊ปบริษัทผลิตอาหาร Betagro ของเขา IPO ไปในเดือน เดือนตุลาคมปีที่ล่วงเลยไปด้วยเหมือนกัน

เวลาที่คนที่หลุดจากรายนามสิบลำดับแรกหนีไม่พ้น นักธุรกิจสี นายปรากฏชัดเจน ตั้งติดอยู่รวคุณ รวมทั้งครอบครัว ที่มีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิตกลงสูงที่สุดเกือบจะจำนวนร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับผู้ติดอันดับในทำเนียบ สาเหตุจากการมีหุ้นส่วนของ บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK

สำหรับ 10 ชั้นมหาเศรษฐีไทย รายปี 2566 ดังเช่นว่า

ชั้น 1 ญาติพี่น้องเชื้อสายเจียรวนนท์ (ชั้นคงเดิม) ผู้ครอบครองบริษัทในเครือรุ่งโรจน์เครื่องอุปโภคบริโภค (ซีพี) มีมูลค่าเงินทองสุทธิ 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 1.18 ล้านล้านบาท

ชั้น 2 นายเฉลิม อยู่วิทยา (ชั้นคงเดิม) รวมทั้งครอบครัว ผู้ครอบครองเครือวัวกระทิงแดง มีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ 3.34 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 1.16 ล้านล้านบาท

ชั้น 3 นายก้าวหน้า สิริวัฒนซื่อสัตย์ภักดี (ชั้นคงเดิม) ผู้ครอบครองบริษัทในเครือหนคราวซี มีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ 1.36 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 4.73 แสนล้านบาท

ชั้น 4 ครอบครัวจิราธิวัฒน์ (ขยับขึ้นจากชั้น 5) มีมูลค่าเงินสุทธิ 1.24 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 4.32 แสนล้านบาท

ชั้น 5 นายสารัชถ์ รัตทุ่งนาวะดี (ขยับลงจากชั้น 4) ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับต้นๆของ บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) มีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ 1.13 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 3.94 แสนล้านบาท

ชั้น 6 นายวานิช ไชยวรรณะ (ขึ้นจากชั้น 8) ประธานชื่อเสียง บมจ.ไทยสัญญาประกันชีวิต มีมูลค่าเงินทองสุทธิ 3.9 พันล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 1.36 แสนล้านบาท

ชั้น 7 นพ.ปราเสริฐ พระราชวังทองคำยารักษาโรค (ชั้นคงเดิม) ผู้ครอบครองกรุ๊ปโรงหมอกรุงเทวดาแล้วก็สายการบินกทม.เครื่องปรับอากาศเวย์ส มีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ 3.8 พันล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 1.32 แสนล้านบาท

ชั้น 8 นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานกรุ๊ปบริษัท คิง เพาเวอร์ และก็ครอบครัว มีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ 3.5 พันล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 1.21 แสนล้านบาท

ชั้น 9 นายสมโภชน์ อาหุนัย (ขยับลงจากชั้น 6) ประธานข้าราชการบริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA และก็ครอบครัว มีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ 3 พันล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 1.04 แสนล้านบาท

ชั้น 10 ครอบครัวโอสถานุเคราะห์ (ชั้นคงเดิม) ผู้ครอบครองบริษัทในเครือยาที่ประชุม มีมูลค่าเงินทองสุทธิ 2.5 พันล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 8.70 หมื่นล้านบาท


แหล่งที่มา kaohoon.com