เปิดโผหุ้นราคา “ต่ำสิบ” ลุ้นเด้งแรง! เน้น“พีอี-พีบีวี” ต่ำ
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจและรวบรวมราคาหุ้นบริษัทจดทะเบียน (บจ.) กลุ่ม SET ปรับตัวลงลึกและต่ำกว่าพื้นฐานมีโอกาสปรับตัวขึ้นแรง หลังจากดัชนีอ่อนตัวหลุดระดับ 1,500 จุด โดยทำการคัดเลือกหุ้นจากข้อมูลราคาปิด ณ วันที่ 30 ธ.ค.65-6 ก.ค.66 มานำเสนอ
โดยคัดหุ้นจากมาตรฐานดังต่อไปนี้ 1.ราคาหุ้นน้อยกว่า 10 บาท, 2.หุ้นต่ำยิ่งกว่าค่าหุ้นทางบัญชีต่อหุ้น (บุ๊กแวลู) ต่ำลงมากยิ่งกว่า 1 เท่า, 3. P/BV (Price to book value) ต่ำลงมากยิ่งกว่า 1 เท่า รวมทั้ง 4.อัตราส่วนราคาปิดต่อผลกำไรต่อหุ้น(P/E Ratio) ที่ต่ำกว่าตลาดค้าหุ้นที่เมืองไทย (SET) อยู่ที่ 17.82 เท่า (ณ 6 กรกฎาคม66) เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับการพิเคราะห์ลงทุนในระยะนี้
สำหรับกรุ๊ปหุ้นที่ตรงเกณฑ์ดังกล่าวมาแล้วข้างต้นมีทั้งปวง 60 ตัว มี PSL, BCPG, BANPU, STEC, LALIN, KCAR, SPRC, PREB, TK, TTA, SYMC, HFT, INET, TRU, S11, SC, NOBLE, SAMTEL, LPN, PEACE, TTCL, TNITY, TPBI, SUSCO, FNS, KSL, SENA, PRIN, AGE,HTECH, JKN, ITEL, PDJ, CMAN, TSE, QH, SVOA, CWT, CCET, SIRI, CFRESH, WIIK, TTB, ECL, ASIMAR, SCN, BJCHI, SAMCO, S, SITHAI, NCH, SQ,UMI,TH,AKR,GBX,RABBIT,AQUA,DCON,PF ดังตาราประกอบ
อย่างไรก็แล้วแต่จะขอนำเสนอข้อมูลประกอบกิจการลงทุน เช่น บริษัท พรีเชียส ชิพปิ้ง จำกัด (มหาชน)หรือ PSL เป็นหุ้นที่อัตราส่วนราคาปิดต่อผลกำไรต่อหุ้น P/E อยู่ที่ 3.88 เท่า ต่ำยิ่งกว่า P/E ตลาดฯอยู่ที่ 17.82 เท่า และก็ P/BV อยู่ที่ 0.87 เท่า ในช่วงเวลาที่ราคาหุ้นอยู่ที่ 9.05 บาท ซึ่งต่ำยิ่งกว่าราคาหุ้นตามบัญชีต่อหุ้นอยู่ที่ 10.44 บาท
บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ บอกว่า แนวโน้มไตรมาส 2/66 คาดผลประกอบการจะดียิ่งขึ้น จากไตรมาสก่อนหน้า ข้างหลังค่าบรรทุกเรือปรับนิสัยดียิ่งขึ้น เสนอแนะเข้า “ซื้อเก็งกำไร” เล่นสั้นในราคาไม่เกิน 9.90 บาท
บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG เป็นหุ้นที่อัตราส่วนราคาปิดต่อผลกำไรต่อหุ้น P/E อยู่ที่ 14.80 เท่า น้อยกว่า P/E ตลาดฯอยู่ที่ 17.82 เท่า และก็ P/BV อยู่ที่ 0.89 เท่า ช่วงเวลาที่ราคาหุ้นอยู่ที่ 9.05 บาท ซึ่งต่ำลงมากยิ่งกว่าค่าหุ้นตามบัญชีต่อหุ้นอยู่ที่ 10.22 บาท
ด้านนายนิวัตำหนิ อดิเรก ประธานข้าราชการบริหารแล้วก็กรรมการผู้จัดการใหญ่ BCPG เผยออกมาว่า ตอนวันที่ 15 เดือนมิถุนายนก่อนหน้าที่ผ่านมา กรุ๊ปบริษัทบรรลุเป้าหมายสำหรับการเปิดขายกระแสไฟฟ้าเชิงการค้า จากโรงไฟฟ้าพลังน้ำ Nam San 3A แล้วก็ Nam San 3B ในเมืองเชียงขวาง รวมทั้งเมืองไชยบริบูรณ์ สปเปรียญลาว (สปเปรียญลาว) กำลังในการผลิตรวม 114 เมกะวัตต์ ไปขายยังเวียดนาม ผ่านสายส่งขนาด 220 กิโลโวลต์ ระยะทางรวม 150 กม. ซึ่งเป็นแผนการระบบสายส่งกระแสไฟฟ้าที่กรุ๊ปบริษัทได้ร่วมลงทุนเมื่อสิ้นปี 2564 ได้เป็นระเบียบแล้ว
โดยการทำให้ในช่วงเวลานี้โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำใน สปเปรียญลาว ทั้งยัง 2 ที่ของกรุ๊ปบริษัทเริ่มขายกระแสไฟฟ้าเชิงการค้า เพื่อส่งกระแสไฟฟ้าไปขายให้กับการไฟฟ้าเวียดนาม (EVN) ครบสุดความสามารถการสร้าง แล้วก็รับทราบรายได้โดยทันที
สำหรับแผนการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ Nam San 3A รวมทั้ง Nam San 3B เดิมขายกระแสไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าลาว (EDL) และก็ถัดมาบริษัทฯ ได้ลงชื่อค้าขายกระแสไฟฟ้ากับการไฟฟ้าเวียดนาม (EVN) สำหรับในการส่งกระแสไฟฟ้าที่ผลิตขึ้นมาจากโรงไฟฟ้า ใน สปเปรียญลาว ไปขายยังเวียดนาม มีช่วงเวลาตามคำสัญญา 25 ปี โดย EVN จะค้ำประกันการรับซื้อกระแสไฟฟ้าในแบบ Take-or-Pay และก็รับจ่ายค่าไฟในสกุลเงินเหรียญสหรัฐซึ่งมีเสถียรภาพเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็เพิ่มผลตอบแทนสำหรับในการลงทุนให้กับบริษัท
ส่วนสายส่งขนาด 220 กิโลโวลต์ เป็นแผนการระบบสายส่งกระแสไฟฟ้าที่กรุ๊ปบริษัทได้ร่วมลงทุนเมื่อท้ายปี 2564 เพื่อส่งกระแสไฟที่ผลิตขึ้นจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำใน สปเปรียญลาวอีกทั้ง 2 ที่ของกรุ๊ปบริษัท แล้วก็โครงงานโรงไฟฟ้าพลังงานชดเชยรอบๆใกล้เคียงใน สปเปรียญลาวที่อยู่ตามแนวสายส่งเส้นนี้ ไปขายยังเวียดนาม
ด้านนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) บอกว่า ผลประกอบการหลักในไตรมาส 1/66 ของ BCPG จะเป็นจุดต่ำสุดของปี 2566 รวมทั้งผลประกอบการคงจะดียิ่งขึ้นในปีนี้ สาเหตุส่งเสริมสำคัญสำหรับไตรมาส 2/66 เช่น การเปิดใช้กระแสไฟฟ้าพลังน้ำอีกทีในลาว, การรับทราบผลกำไรเต็มไตรมาสจากโรงไฟฟ้าปิโตรเลียม 2 ที่ในสหรัฐอเมริกา รวมทั้งความเกี่ยวเนื่องของฤดูสูงสุดสำหรับพลังงานจากแสงอาทิตย์ นอกเหนือจากนั้น คาดว่าในตอนช่วงหลังของปีนี้ จะได้รับแรงหนุนจากฤดูไฮฤดูกาลสำหรับแผนการพลังน้ำในตอนไตรมาส 3/2566
เวลาเดียวกันการเสร็จสมบูรณ์แนวทางการทำธุรกรรมของการซื้อธุรกิจของ โรงไฟฟ้าปิโตรเลียม 2 ที่ในสหรัฐอเมริกา (มีหุ้นส่วน 25% ของ Liberty ขนาด 212 เมกะวัตต์ รวมทั้ง Patriot ขนาด 214 เมกะวัตต์) แล้วก็การลงทุนใน Tank Terminal (มีหุ้นส่วน 100% ในบริษัท Asia Link Terminal จำกัด) โดยรวมแล้วคาดว่าแผนการใหม่ในปีนี้ (แผนการปิโตรเลียม 4 แผนการในสหรัฐอเมริกา และก็คลังสำหรับเก็บน้ำมัน) จะมีกำไรทั้งสิ้นโดยประมาณ 0.69 พันล้านบาท ซึ่งทดแทนผลพวงจากการหมดอายุของ Adder ในปีนี้ 0.35 พันล้านบาท และก็ Ft แนวโน้มขาลง คาดคะเนกำไรทั้งสิ้นอยู่ที่ 1.7 พันล้านบาทในปี 2566 รวมทั้ง 2 พันล้านบาทในปี 2567
นอกนั้น BCPG เป็นบริษัทพลังงานหมุนวนที่ส่งผลงานโรงไฟฟ้าแก๊สในต่างชาติ ผลพวงดังที่กล่าวถึงแล้วจะออกจะจำกัดจากหลักการของรัฐบาลใหม่ (พรรคก้าวหน้า) ที่เกี่ยวพันกับการลดค่า Ft รวมทั้งหลักการการปรับปรุงพลังงานอื่นๆที่เกี่ยวโยง ด้วยเหตุผลดังกล่าวยังคงข้อเสนอแนะ “ซื้อ” ราคาจุดมุ่งหมายอยู่ที่ 15.10 บาทต่อหุ้น
บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU เป็นหุ้นที่อัตราส่วนราคาปิดต่อผลกำไรต่อหุ้น P/E อยู่ที่ 2.16 เท่า ต่ำยิ่งกว่า P/E ตลาดฯอยู่ที่ 17.82 เท่า รวมทั้ง P/BV อยู่ที่ 0.61 เท่า ตอนที่ราคาหุ้นอยู่ที่ 9.00บาท ซึ่งต่ำยิ่งกว่าค่าหุ้นตามบัญชีต่อหุ้นอยู่ที่ 14.79 บาท
บล.ดาโอ (เมืองไทย) เจาะจงในบทวิจารณ์ อาจจะคาดคะเนกำไรทั้งสิ้นปี 66/67 ที่ 1.66 หมื่นล้านบาท และก็ 1.70 หมื่นล้านบาท น้อยลงจาก 4.05 หมื่นล้านบาท สำคัญๆมาจาก 1) Coal ASP ที่น้อยลง โดยคิดราคาของอินโดนีเซีย (ITMG) จะต่ำลงในตอน USD128/ton-USD132/ton จาก USD193/ton ในปี 65 ในขณะที่ราคาของประเทศออสเตรเลีย (CEY) จะอยู่ในตอน AUD144/ton-AUD180/ton โดยอาจข้อแนะนำ “ถือ” ราคาวัตถุประสงค์ 9 บาท
บริษัท สิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) หรือ STEC เป็นหุ้นที่อัตราส่วนราคาปิดต่อผลกำไรต่อหุ้น P/E อยู่ที่ 16.75 เท่า ต่ำลงยิ่งกว่า P/E ตลาดฯอยู่ที่ 17.82 เท่า และก็ P/BV อยู่ที่ 0.69 เท่า ระหว่างที่ราคาหุ้นอยู่ที่ 9.00บาท ซึ่งต่ำยิ่งกว่าค่าหุ้นตามบัญชีต่อหุ้นอยู่ที่ 12.64 บาท โดยหุ้นมีแผนสำหรับการธุรกิจที่เด่นแล้วก็มีลักษณะท่าทางเติบโตดีในอนาคต
ด้านบล.กรุงศรี พัฒนสิน กำหนดในบทวิจารณ์ มองดู Negative ต่อผลกำไรธรรมดาไตรมาส 1/66 ที่ 171 ล้านบาท ต่ำลง 26% เมื่อเทียบเคียงจากปีกลาย และก็ 38% เมื่อเปรียบเทียบจากไตรมาสก่อน น้อยกว่าที่ข้างศึกษาค้นคว้าฯ แล้วก็ตลาดคาด จากรายได้ก่อสร้างที่ต่ำลงมากยิ่งกว่าคาด มีต้นเหตุมาจากการก่อสร้างที่ชะลอตัวลง เนื่องมาจากหลายแผนการอยู่ในช่วงท้ายของการก่อสร้าง
สำหรับแนวโน้มผลกำไรธรรมดาไตรมาส 2/66 คาดดียิ่งขึ้นเมื่อเทียบเคียงจากปีกลาย จากฐานต่ำทั้งยังในเชิงของรายได้รวมทั้ง %GPM เพราะว่ามีปัญหาขาดแรงงานและก็ปรับเงินลงทุนแผนการ ดียิ่งขึ้นเมื่อเทียบเคียงจากไตรมาสก่อน จากการรับทราบงานใหม่มากขึ้น รวมทั้งมีเงินปันผลจาก GULF ปริมาณ 132 ล้านบาท
ดังนี้ยังคงคาดคะเนผลกำไรธรรมดาปี 66 ที่ 1 พันล้านบาท เติบโต 22% เมื่อเปรียบเทียบจากปีกลาย โดยการเจริญเติบโตหนุนจาก %GPM ที่ฟื้นจากปีที่ผ่านมาข้างหลังรูปทรงงาน margin ต่ำลดน้อยลง ในเวลาที่ backlog พอเพียงรองรับรายได้ในปีนี้ คงจะข้อเสนอแนะ “ซื้อ” ราคาจุดหมาย 16 บาท ดังนี้เสนอแนะรอคอยให้การก่อตั้งรัฐบาลสำเร็จ รวมทั้งมองเห็นเนื้อหาของแผนการที่จะเปิดประมูลในอนาคตก่อน ค่อยเป็นจังหวะเข้าซื้ออีกที
*ดังนี้ข้อมูลที่มีการเสนอข้างต้น เป็นเพียงแค่ข้อเสนอแนะจากข้อมูลเบื้องต้นเพื่อประกอบกิจการตกลงใจของนักลงทุนแค่นั้น แล้วก็ไม่ได้เป็นการชี้แนะ หรือชี้แนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์อะไรก็แล้วแต่การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์อะไรก็แล้วแต่ของคนอ่าน ไม่ว่าจะมีสาเหตุมาจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนได้ผลสำเร็จจากการใช้วิจารณญาณของนักอ่าน
แหล่งที่มา kaohoon.com
