“เศรษฐา” ย้ำเลือกนายกได้เร็ว “ความหวังไทย” โอกาสแข่งขันสูง



นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย กล่าวในงานสัมมนา “Battle Strategy แผนฝ่าวิกฤติ พิชิตสงคราม EPISODE V : วิกฤติมาทุกทิศ โอกาสมีทุกทาง” ว่ากรณีวิกฤตเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบตอนนี้ เช่น กำลังซื้อหด แต่ไม่ยิ่งใหญ่มาก ไม่เหมือนกับ 3 ปี ที่มีปัญหาเรื่องโควิด หรือตอนเกิดต้มยำกุ้ง ซึ่งมองว่าคงต่อสู้กันไปได้ แต่วิกฤตการเมืองของประเทศไทยตอนนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ หากมีความยืดเยื้อจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ

ดังนี้ รูปแบบการทำงานร่วมกับคณะกรรมการของพรรคก้าวหน้า หากสามารถตั้งขึ้นรัฐบาลได้ด้านในอาทิตย์แรกของสิงหาคม งบประมาณปี 2567 จะถูกใช้ได้อย่างรวดเร็วที่สุดเป็น 15 เดือนมีนาคมในปีถัดไป ซึ่งงบประมาณของแผ่นดินพื้นฐานจะถูกแบ่งสรรในต.ค. หากชักช้าออกไปบางทีอาจจะคือปัญหาใหญ่

เนื่องแต่การบ้านการเมืองเป็นสิ่งสำคัญ นักลงทุนต่างถิ่นหลายรายต้องการเข้ามาลงทุนในประเทศไทย แต่ว่าชะลอการลงทุน เพราะเหตุว่าอยากได้ฟังแนวทางที่แน่ชัดจากนายกฯ และก็คณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้ามาปฏิบัติงาน ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนด้านอีวี ถือได้ว่าธุรกิจสำคัญที่จะนำพาประเทศรุ่งเรืองไปได้ ถ้าเกิดไทยช้าจะยิ่งด้อยกว่าอินโดนีเซีย และก็เวียดนาม

นายเศรษฐา กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า เดี๋ยวนี้สำคัญที่สุดเป็นจะต้องมีรัฐบาลใหม่ ทุกๆสิ่งทุกๆอย่างคือเรื่องของการบ้านการเมือง แม้กระนั้นอุตสาหกรรมใหญ่ๆที่จำต้องพึ่งจากการดึงนักลงทุนต่างถิ่นเข้าไทย นักลงทุนยังรอรวมทั้งต้องการจะลงทุนในไทย เวลาเดียวกัน เรื่องหนี้สินครอบครัวเป็นเรื่องจำเป็นอย่างไรก็แล้วแต่ เรื่องหนี้สินครอบครัว เรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเข้าถึงสินเชื่อได้จากแหล่งเงินกู้ยืมที่มีคุณภาพ เนื่องจากว่าแม้ว่าหนี้สินครอบครัวสูง 90% แม้กระนั้นมีสามัญชนหลายชิ้นที่ยังกู้หนี้ยืมสินนอกระบบ

สำหรับในการเมืองเป็นสิ่งสำคัญ แล้วก็เรื่องรักษากระแสการเงินสด การจัดการจัดแจงธุรกิจให้ดี ประเด็นการบริหารเงินลงทุนธุรกิจ เรื่องความรู้ความเข้าใจในเรื่องสภาพแวดล้อม รวมทั้งจำต้องตื่นตัวอยู่เสมอเวลา เพราะว่าในช่วงเวลานี้เกิดเรื่องการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล ด้วยเหตุนั้น การเปิดตลาดกิจการค้าใหม่จำเป็นที่จะต้องเกิดขึ้นอย่างเร็ว ซึ่งมั่นใจว่านักธุรกิจผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยกำลังติดตามอยู่

โดยหลากย้อนกลับไปมองตอนกำเนิดวิกฤตต้มยำกุ้ง ธุรกิจสามารถปรับพฤติกรรมและก็พ้นวิกฤต ภาคเอกชนมีวัคซีนแล้วก็มีภูมิต้านทาน ภาคเอกชนสามารถผ่านมาได้ และก็เป็นตัวเคลื่อนเศรษฐกิจของเมืองไทย โดยเหตุนี้ในเรื่องของ Wait and see อีกไม่นาน และก็คิดว่าไม่เกิน 1-2 เดือน ให้หมดปัญหาประเด็นการเมืองรวมทั้งมีรัฐบาลใหม่เสร็จ เวลาเดียวกันไม่สามารถที่จะบอกได้แจ่มชัดว่าจะเป็นเยี่ยงไรถัดไปในด้านของก้าวถัดไปของเศรษฐกิจไทย เพราะว่ายังติดล็อกหัวข้อการเมืองอยู่

นอกนั้น คิดว่าช่วงเวลาตอนคอยการก่อตั้งรัฐบาลคงจะใช้เวลา 2-3 เดือน หากได้รัฐบาลใหม่แล้ว คาดว่าตอนธ.ค.นี้ น่าจะสามารถจัดแบ่งงบประมาณปี 2567 ได้ มีการหมายกำหนดการลงทุนของรัฐบาลอย่างแจ่มแจ้ง อย่าลืมว่าตลาดหลักทรัพย์รับทราบไวมากมาย ถ้าหากตั้งขึ้นรัฐบาลได้ดิบได้ดี ทุกสิ่งราบรื่น หัวข้อการลงทุนก็ไม่เกิดผลกระทบเหมือนกันเนื่องจากเป็นการส่งสัญญาณจากนักลงทุนที่ไวที่สุด ก็เลยอยากที่จะให้ก่อตั้งรัฐบาลตามกรอบเวลา

นายเศรษฐา กล่าวตบท้าย อยากที่จะให้เลือกนายกฯให้เสร็จตั้งแต่วันแรก แม้กระนั้นถ้าเกิดไม่จบสิ้นรวมทั้งจะต้องเลือกถึงวันที่ 2 ก็ควรเป็นไปตามขั้นตอน แล้วก็ถ้าเกิดจำเป็นต้องยืดไปวันที่ 3 ไม่อาจจะเดาเหตุการณ์จะขึ้นได้ยังไง แต่ว่าก็เอาใจช่วย ในฐานะที่เป็นพรรคเพื่อไทย รวมทั้งสถานที่ทำงานสนิทสนมกับพรรคร่วมรัฐบาล จะเกื้อหนุนให้ท่านพิธา เป็นนายกฯผู้ที่ 30 ของเมืองไทย


แหล่งที่มา kaohoon.com