ทวง FTA-แหล่ง JDA เขมร



ผ่านมา 3 เดือนกับ 8 วัน หลังการเลือกตั้ง 14 พ.ค. 66 ถึงทราบผลนายกรัฐมนตรีประเทศไทยเสียที ขั้นตอนต่อไปคือการฟอร์มรัฐบาล ซึ่งอาจใช้เวลาไม่นานนัก คงไม่เกิน 1 เดือน ยิ่งจัดตั้งได้เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น

ตลาดค้าหุ้นในวันโหวต 22 เดือนสิงหาคมตอบรับโดยทันที 19 จุด กับวอลุ่มเทรดครึกครื้นที่สุดในรอบปีถึง 71,924 ล้านบาท

รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน จำเป็นจะต้องเข้ามาพบภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวเข้าอย่างจังเบอร์ โดยเมื่อสอง–สามวันที่ผ่านมา สภาพัฒน์ฯ ประกาศ GDP ไตรมาส 2 ขยายตัวเพียงแต่ 1.8% อันไม่เหมือนอย่างที่คิดไปจากคาดคะเนไว้มากมาย จากไตรมาส 1 ที่ขยายตัวได้ 2.6%

ทำให้สภาพัฒน์ฯ จำต้องปรับนิสัยเลขคาดคะเน GDP ปี 66 จาก 2.7-3.7%ลงมาเหลือ 2.5-3.0% เพียงแค่นั้น

ก็เลยเป็นความท้าอย่างมากว่า รัฐบาลผ่านขั้วของเศรษฐา จะมีผลให้เศรษฐกิจฟื้นได้เหนือกว่าเดาหรือเปล่า หรือเริ่มรัฐบาลก็บางครั้งก็อาจจะจบเห่ไปเลย โดยบริหารเศรษฐกิจเห็นผลลัพธ์ต่ำลงมากยิ่งกว่าคาดคะเน

แนวนโยบายแจกบัตรดิจิทัล 10,000 บาทของเศรษฐา จะทำการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ใช่หรือการโอ้อวด?

โภคทรัพย์ล้ำค่าที่หายไปเกือบจะ 3 ทศวรรษก่อนหน้านี้ รวมทั้งรัฐบาลเศรษฐาเหมาะสมไปติดตามกลับมา ซึ่งก็คือแนวนโยบายการจัดทำข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ที่รัฐบาลไทยรักไทยเริ่มไว้ แต่ว่าถูกโค่นล้มทำลายลงตั้งแต่

ยุค “บิ๊กบัง” ทำรัฐประหารปี 2549 โดยอ้างเหตุเป็นหนทาง “ขายบ้านขายเมือง” ของระบอบขวา

รัฐบาลถัดมา ตั้งแต่พล.อำเภอสุรยุทธ์ไม่เอา สมัคร–สมชายอยู่ช่วงสั้นๆเวลาโดยมากไปต่อกรกับกลุ่มพันธมิตรเสื้อเหลือง รัฐบาลสิทธิพิเศษมีเวลาหน่อย แม้กระนั้นก็ไม่ยอมรับอะไรที่เป็นผลิตผลของระบอบขวาทั้งหมดทุกอย่าง

รัฐบาลยิ่งลักษณ์อยู่ 3 ปี แต่ว่าเวลาส่วนมากใช้ไปกับเหตุเฉพาะหน้าอีกทั้งปัญหาอุทกภัย รวมทั้งกรุ๊ปกปกรมประชาสงเคราะห์“ปิดเมือง” มาถึงรัฐบาลประยุทธ์ 9 ปี นี่ก็ไม่มีสมองเริ่มใดกับ FTA เลย…

ตอนที่เวียดนาม ติดเครื่องแนวนโยบาย FTA เพื่อหวังผลทั้งยังการเพิ่มพูนการค้าขายระหว่างชาติรวมทั้งการพัฒนาอุตสาหกรรม การค้าขาย แล้วก็การบริการในประเทศอย่างมาก

เวียดนามเข้าทำกรอบกติกาการค้าเสรีกับ CPTPP หุ้นส่วนกิจการค้าระหว่างพื้นแผ่นดินแปซิฟิค แล้วก็ประชาคมยุโรป ซึ่งทำให้ราคากิจการค้าส่งออกของเวียดนามมากขึ้นจนกระทั่งแซงหน้าชาติอาเซียนหลายประเทศแล้วก็ไทย

กรณี FTA สหภาพยุโรป–เวียดนาม เซ็นสัญญาฉบับเดียว แต่ว่าทำให้เวียดนามเข้าค้าขายขายกับชาติสมาชิกได้ถึง 27 ประเทศ ในเวลาที่เมืองไทยมิได้ทำข้อตกลงการค้าขายดังที่กล่าวถึงแล้วนี้

ยอดการส่งออกของเวียดนามก็เลยแซงหน้าไทยไปแล้วในระดับ 2.6 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือนโดยเฉลี่ย ส่วนของไทยอยู่ในระดับ 2.4 หมื่นล้านเหรียญฯ เพียงแค่นั้น

ทรัพย์สินนี้ ไม่ยากจะทวงกลับคืนมาหรอก แม้มีนาชูรัฐมนตรีที่รู้เรื่อง มีรัฐมนตรีต่างชาติรวมทั้งรัฐมนตรีการขายที่มีหัวทางด้านการค้า

สิ่งที่จำเป็นต้องทำให้เสร็จอีกอย่างหนึ่งทางด้านแผนการพลังงาน มันก็คือ กติกาเขตปรับปรุงร่วมไหล่ทวีปไทย–เขมร ลักษณะเดียวกันกับกติกาเขตปรับปรุงร่วมไทย–มาเลเซียที่เป็นต้นแบบการบรรลุผลมาแล้ว

ปัญหาด้านผู้ใดกันแน่ควรจะได้สัดส่วนผลตอบแทนมากยิ่งกว่ากัน ควรจะจบลงได้เสียครั้ง โดยการใช้โมเดล JDA ไทย–มาเลเซีย แบ่งปันกัน 50:50 ไปเลย และข้อกลัวเรื่องจะเสียชายแดน ก็สามารถขีดแผนที่ JDA ให้เด่นชัดไปเลยก็ยังได้

หวังจะได้มองเห็นรัฐบาลประสิทธิภาพในเร็ววัน


แหล่งที่มา kaohoon.com