เปิดโผ 38 หุ้น “ได้-เสีย” รับรัฐบาลใหม่ “เศรษฐา” นั่งนายกฯ



บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า มติร่วมรัฐสภา “เศรษฐา” นั่งนายกฯ คนที่ 30 ด้วยคะแนน 482 เสียง มติที่ประชุมรัฐสภาเห็นชอบการแต่งตั้ง นายเศรษฐา ทวีสิน ให้เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยคะแนน เห็นชอบ 482 เสียง, ไม่เห็นชอบ 165 เสียง, งดออกเสียง 81 เสียง

ดังนี้ ทางข้างศึกษาค้นคว้ามองดูเป็นบวกต่อตลาดหลักทรัพย์ไทย จากความก้าวหน้าทางด้านการเมืองแล้วก็ความแจ่มกระจ่างสำหรับเพื่อการตั้งขึ้นรัฐบาลใหม่ได้ในเร็วๆนี้ โดยมีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำสำหรับเพื่อการส่งเสริมแนวทางแล้วก็ขับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งยังการลงทุนและก็การบริโภค รวมทั้งจะช่วยสร้างความมั่นใจของการใช้สอย รวมทั้งการลงทุนของเอกชนและก็ฝรั่งเยอะขึ้น

สำหรับหุ้นที่คาดว่าจะได้โอกาส outperform SET มากมายสุด (คิดจากผลพวงจากหลักการรัฐบาลใหม่ และก็ price performance ในตอนปีให้หลัง เป็นหลัก) ดังต่อไปนี้

บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT ประเมินวงเงินสินเชื่อจะมากขึ้น ตามการเพิ่มค่าจ้างรายเดือนอย่างน้อยเป็น 25,000 บาท จากเดิม 15,000 บาท โดยเดี๋ยวนี้ลูกหนี้จำนวนมากจะมีเงินเดือนเฉลี่ยใกล้เคียงค่าตอบแทนรายเดือนอย่างต่ำ โดยยังคงเสนอแนะ “ซื้อ” ราคาวัตถุประสงค์ 40 บาท

บริษัท อิออน ธนสินสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)หรือ AEONTS ประเมินวงเงินสินเชื่อจะมากขึ้น ตามการเพิ่มค่าตอบแทนรายเดือนอย่างน้อย ซึ่งรายได้ลูกหนี้ส่วนมากจะอยู่ที่ 15,000 บาท โดยเสนอแนะถือราคาจุดมุ่งหมาย 185 บาท

บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK ยังคงถูกใจมากยิ่งกว่า บริษัท สิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) หรือ STEC จากมี upside จากรถไฟสายสีส้ม แล้วก็กระทบจากแนวนโยบายขึ้นค่าแรงน้อยกว่า และ laggard กว่า STEC โดย STEC outperform CK มากขึ้น 16% ตั้งแต่ต้นปีจนกระทั่งเดี๋ยวนี้

บริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ONEE ได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจฟื้น คาดมีการกระตุ้นการใช้จ่ายจากภาครัฐ ทำให้กรุ๊ป FMCG เพิ่มงบประมาณโปรโมท ทั้งยังมีรายได้จากธุรกิจอื่น เช่น events, บริหารนักแสดง ซึ่งเห็นว่าจะขยายตัวตามรายได้ลูกค้าที่ปรับนิสัยมากขึ้น โดยยังคงชี้แนะ “ซื้อ” ราคาวัตถุประสงค์ 6 บาท

บริษัท สนามบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว และก็ได้โอกาสขอปรับเพิ่ม PSC โดยยังคงชี้แนะ “ซื้อ” ราคาจุดหมาย 84 บาท

สำหรับ Sector หุ้นที่เป็นบวกรวมทั้งจะ Outperform SET ดังต่อไปนี้

1) กรุ๊ปขายปลีก อาทิเช่น (CPAXT, บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL, บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC, บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO คาดกำลังซื้อของคนซื้อมากขึ้นจาก แนวนโยบายกระเป๋าเงินดิจิตอล 10,000 บาท ทั้งค่าแรงงานที่มากขึ้น เงินลงทุนค่าพลังงานลด แล้วก็นักเดินทางมากขึ้น นอกจากนั้นยังมีผลิตภัณฑ์อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับก่อสร้าง บริษัท มองโฮม จำกัด (มหาชน) หรือ DOHOME แล้วก็ บริษัท ไทยโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOBAL คาดกำลังซื้อมากขึ้น ลดภาระหน้าที่หนี้สินเกษตรกร งานภาครัฐ เอกชนกลับมา

2) กรุ๊ปไฟแนนซ์ อาทิเช่น (AEONTS, บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC, บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD, บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR, บริษัท ประเทศไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC มองดูสินเชื่อจะกลับมารีบตัว รวมทั้ง NPL ทยอยต่ำลง จากมาตรการ Digital Wallet แล้วก็การเพิ่มค่าจ้างหนุนต่อกำลังซื้อสูงมากขึ้น

3) กรุ๊ปรับเหมาก่อสร้าง อย่างเช่น (CK, STEC, บริษัท ซีฟโก้เก๋ จำกัด (มหาชน) หรือ SEAFCO, บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) หรือ PYLON จากแนวโน้มโครงงานลงทุนขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในเวลาที่มาตรการทยอยปรับขึ้นค่าแรง คิดว่าสามารถบริหารจัดแจงได้

4) กรุ๊ปสื่อ ดังเช่นว่า ONEE, บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEC, บริษัท แพลุกลี้ลุกลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANB คาดรัฐบาลจะออกแผนการกระตุ้นการใช้จ่าย จำนวนเงินโปรโมทฟื้น รวมทั้งกรุ๊ป FMCG ใช้งบประมาณโปรโมทเพื่อกระตุ้นการใช้จ่าย

5) กรุ๊ปท่องเที่ยว อย่างเช่น AOT, บริษัท ดิ เอราวัณ กลุ่ม จำกัด (มหาชน) หรือ ERW, บริษัท ทวีปเอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV, บริษัท บังกะโลเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL ได้ประโยชน์จากหลักการดันไทยเป็น “Festival Hub of Asia” ซึ่งช่วยทำให้นักเดินทางเข้ามามากขึ้น แล้วก็ AOT ได้โอกาสขอปรับเพิ่ม PSC แล้วก็ AAV รัฐบาลชุดใหม่จะตรึกตรองมาตรการช่วยเหลือสายการบิน เป็นต้นว่า ลดภาษีอากรน้ำมันเครื่องบิน

6) กรุ๊ปแบงค์ เช่น แบงค์กรุงเทวดา จำกัด (มหาชน) หรือ BBL, บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน)จำกัด (มหาชน) หรือ SCB, แบงค์เกษตรกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK โดยเห็นว่า BBL ได้ประโยชน์จากสินเชื่อรายใหญ่กลับมาภายหลังจากตั้งขึ้นรัฐบาลเสร็จ

ส่วน SCB, KBANK ได้ประโยชน์จากสินเชื่อกรุ๊ปท่องเที่ยวรวมทั้ง SME ที่จะฟื้นก้าวหน้า

7) กรุ๊ปโรงหมอ ยกตัวอย่างเช่น บริษัท โรงหมอบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH, บริษัท กรุงเทวดาดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน) หรือ BDMS ได้ผลบุญจากแนวทางการทำให้ไทยเป็น wellness destination ทำให้คนประเทศอื่นเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

8) กรุ๊ปขนส่งภาคพื้นดิน อาทิเช่น บริษัท ทางด่วนและก็รถไฟฟ้ากรุงเทวดา จำกัด (มหาชน) หรือ BEM และก็ บริษัท บีทีเอส กลุ่ม โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS ได้ประโยชน์จากมาตรการรถไฟฟ้า 20 บาท ซึ่งมีความน่าจะเป็นไปได้สูงที่เมืองจะมี subsidy ซึ่งจะช่วยเพิ่ม ridership

9) กรุ๊ปยานยนต์กระแสไฟฟ้า อาทิเช่น บริษัท เน็กซ์ พอเพียงยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX, บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA จะได้ประโยชน์จากหลักการต่อรถขึ้นรถสาธารณะเป็นรถไฟฟ้า

10) กรุ๊ปเครื่องดื่มเสริมพลังงาน บริษัท ค้างราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG, บริษัท ยาที่ประชุม จำกัด (มหาชน) หรือ OSP คาดสิ่งที่มีความต้องการบริโภคมากขึ้นในกรุ๊ป blue collar จากกิจกรรมรับเหมาที่มากขึ้น

ดังนี้มีมุมมองหุ้นที่เป็นลบแล้วก็ยัง underperform SET อย่างเช่น

1) กรุ๊ปกระแสไฟฟ้า ยกตัวอย่างเช่น บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ สินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC, บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM, บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF แม้การปรับลดค่าไฟฟ้ามีมากยิ่งกว่าเงินลงทุนพลังงานที่ลดน้อยลงจะกระทบอัตราวิธีการทำผลกำไร

2) กรุ๊ปสถานีบริการน้ำมัน เช่น บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG, บริษัท การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย น้ำมันแล้วก็กิจการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR การลดราคาน้ำมันมีการเสี่ยงที่จะกระทบค่าการตลาด


แหล่งที่มา kaohoon.com