เปิดเกณฑ์ “ต่างชาติซื้อที่ดินไทย” ใครได้ประโยชน์?



กลายเป็น “เหล้าเก่า….ในขวดใหม่” กับมติคณะรัฐมนตรีรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา ไฟเขียวหลักการร่างกฎกระทรวงที่ว่าด้วยการได้มาซึ่ง “ที่ดิน” เพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนต่างด้าว หรือกรณีให้ “ต่างชาติซื้อบ้าน” ในไทย ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดคนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย พ.ศ. ….

โดยสาระสำคัญของกฎกระทรวงเป็นการระบุฝูงคน ต่างชาติ ที่มีสมรรถนะสูง 4 ชนิด ซึ่งสามารถได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่พักที่อาศัย อย่างเช่น กรุ๊ปมวลชนโลกผู้มีความมั่งมีสูง, กรุ๊ปผู้ปลดเกษียณจากต่างแดน, กรุ๊ปที่ปรารถนาปฏิบัติงานจากเมืองไทย แล้วก็กรุ๊ปผู้มีความชำนาญชำนิชำนาญพิเศษ

โดยข้อจำกัดการเข้าครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของฝรั่งอีกทั้ง 4 กรุ๊ป สามารถได้สิทธิซื้อได้ไม่เกิน 1 ไร่ เพื่อใช้สำหรับการเป็นที่ดินสำหรับพักอาศัยสำหรับตัวเอง รวมทั้งควรจะเป็นที่ดินที่อยู่ข้างในเขตจังหวัดกรุงเทพมหานคร เขตเมืองพัทยา หรือเขตเทศบาล หรืออยู่ข้างในรอบๆที่ระบุเป็นย่านอยู่อาศัยโดยชอบด้วยกฎหมายกล่าวถึงการแบบแปลนเมือง รวมทั้งจะต้องอยู่นอกที่ปลอดภัยในราชการทหารโดยชอบด้วยกฎหมาย กล่าวถึงที่ปลอดภัยในราชการทหาร

แต่ว่าการที่จะถือสิทธิ์ที่ดินได้นั้นรัฐบาลไทยได้กำหนดให้ต่างประเทศทั้งยัง 4 กรุ๊ป ซึ่งล้วนเป็นกรุ๊ปที่มีประสิทธิภาพสูง จะต้องนำเงินมาลงทุนในไทยไม่ต่ำลงมากยิ่งกว่า 40 ล้านบาท แล้วก็คงจะการลงทุนไว้ไม่น้อยกว่า 3 ปี นับตั้งแต่วันยื่นคำขอ (กฎกระทรวงฯ พุทธศักราช2545 ระบุ 5 ปี) โดยให้นับราคาการลงทุนในวันที่ยื่นคำขอ แม้กระนั้นดังนี้แม้ฝรั่งที่เข้ามาลงทุนในไทย เพื่อจะครอบครองอสังหาริมทรัพย์ ได้ถอนการลงทุนก่อนถึงกำหนด 3 ปี สิทธิที่กำลังจะได้มาซึ่งที่ดินในส่วนที่ยังไม่ครบปริมาณ เป็นอันยับยั้งไป

ความน่าดึงดูดใจกฎกระทรวงนอกเหนือจากการเข้าถือสิทธิ์ที่ดินของฝรั่ง นั้นเป็น จำนวนเงินที่รัฐบาลไทยคาดหมายว่า จะมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยยิ่งไปกว่านั้นตลาดเงินตรารวมทั้งตลาดทุนของไทย ซึ่งกฎกระทรวงได้กำหนดให้ต่างประเทศที่มีความต้องการจะครอบครองที่ดินในไทย สามารถนำเงินไปลงทุนผ่านการ การซื้อพันธบัตรรัฐบาลไทย พันธบัตรธนาคารชาติ พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ หรือพันธบัตรที่กระทรวงการคลังรับรองเงินต้น หรือดอก

การลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมองค์ประกอบเบื้องต้น กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ เพื่อแก้ปัญหาในระบบสถาบันการเงิน หรือกองทุนรวมเพื่อแก้ปัญหาในระบบสถาบันการเงินที่ก่อตั้ง โดยชอบด้วยกฎหมายกล่าวถึงหลักทรัพย์แล้วก็ตลาดหุ้น (เพิ่มกองทุนรวมส่วนประกอบเบื้องต้นจากกฎกระทรวงฯ พุทธศักราช2545)

การลงทุนในกองบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ที่ก่อตั้ง โดยชอบด้วยกฎหมายเกี่ยวกับบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน (มากขึ้นใหม่จาก กฎกระทรวงฯ พุทธศักราช 2545)

การลงทุนในทุนเรือนหุ้นของนิติบุคคลที่ได้รับการผลักดันและสนับสนุนการลงทุน โดยชอบด้วยกฎหมายกล่าวถึงการช่วยส่งเสริมการลงทุน หรือ การลงทุนในกิจการค้าที่คณะกรรมการผลักดันการลงทุนได้ประกาศ ให้เป็นกิจการค้าซึ่งสามารถขอรับ การผลักดันและส่งเสริมการลงทุนได้โดยชอบด้วยกฎหมายเกี่ยวกับ การช่วยส่งเสริมการลงทุน

เหตุผลที่พูดว่า เป็นสุราเก่า…ในขวดใหม่นั้นเป็นเนื่องจากว่า นายอิสระ บุญยัง ประธานคณะกรรมการชมรมกิจการค้ากรุ๊ปอสังหาริมทรัพย์ดีไซน์รวมทั้งก่อสร้าง ที่ประชุมหอการค้าที่เมืองไทย คิดว่า ร่างกฎกระทรวงฯ ดังที่กล่าวถึงมาแล้วไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะว่าในยุครัฐบาลของนายขวา เคยชินความประพฤติ ช่วงวันที่ 19 ม.ค. 2545 ได้เคยลงความเห็นรูปแบบนี้มาแล้ว เพื่อดึงเม็ดลงทุนจากฝรั่งเข้ามายังเมืองไทย ข้างหลังได้กำเนิดวิกฤต “ต้มยำกุ้ง” กับเมืองไทยรวมทั้งจะต้องหารายได้ลงทุน ก็เลยรู้เรื่องว่า รัฐบาล พล.อำเภอประยุทธ์ คงจะมีมุมมองในลักษณะเดียวกันนั้นเป็นการดึงเงินทุนมาช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจข้างหลังฟื้นจากเหตุการณ์วัววิด-19 ซึ่งจำต้องเห็นด้วยว่า ในมุมมองของพลเมืองอาจมองว่าเป็นข้อบังคับ “ขายบ้านขายเมือง” แต่ว่าแม้มองในเนื้อหารายละเอียดนับว่าเป็นข้อบังคับที่ดีแล้วก็มีสาระของประเทศ

นายอิสระ ยังเห็นว่า กลุ่มชนต่างประเทศที่ได้รับผลดีกรุ๊ปแรกตามความเห็น คณะรัฐมนตรีวานนี้ (25 ตุลาคม 65) นั้นเป็น “กรุ๊ปประชากรการโลกผู้มีความมั่นคั่งสูง” ซึ่งเงินทุน 40 ล้านบาทนับว่าเป็นจำนวนเงินที่ไม่น้อยเกินความจำเป็น โดยรัฐบาล พล.อำเภอประยุทธ์ ได้ปรับแต่งช่วงเวลาสำหรับการอาจเงินทุน เพื่อสร้างสิ่งจูงใจสำหรับในการเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ซึ่งจะมีประโยชน์ต่อตลาดทุนไทยที่จะมีเงินหมุนวนเข้ามาลงทุนจากคนพวกนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่วนคนต่างด้าวกรุ๊ปอื่นๆที่เกี่ยวโยงกับการเข้ามาดำเนินงานในประเทศไทย หรือกรุ๊ปผู้มีความชำนาญชำนาญพิเศษ ยังมิได้ได้ประโยชน์จากร่างกฎกระทรวงนี้

ส่วนพื้นที่ซึ่งสามารถซื้อที่พักที่อาศัยได้ ซึ่งระบุใน กรุงเทพฯ เมืองพัทยา และก็ในพื้นที่เศรษฐกิจนั้น นายอิสระ คิดว่าเป็นความตั้งอกตั้งใจที่จะให้ฝรั่ง ครองที่ดินในพื้นที่เขตเมือง ที่ไม่ไปรุกล้ำพื้นที่ทำการเกษตรของคนประเทศไทย แม้กระนั้นสิ่งที่รัฐบาลควรจะระบุเพิ่มจากมุมมองชมรมผู้ประกอบกิจการอสังหาริมทรัพย์ นั้นเป็นการกำหนดให้ซื้ออสังหาริมทรัพย์จากแผนการที่แบ่งสรรถูกกฎหมาย รวมทั้งควรจะตั้งราคาของอสังหาริมทรัพย์ไม่ต่ำลงยิ่งกว่า 10 ล้านบาท เพื่อไม่ให้กระทบกับความรู้ความเข้าใจสำหรับการจับจ่ายซื้อของคนประเทศไทย อย่างไรก็ดีมั่นใจว่า กฎกระทรวงที่มีการแก้ไขใหม่ มิได้ช่วยทำให้มีการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มากเท่าไรนัก เนื่องจากผลดีที่ได้มีเฉพาะกรุ๊ปที่มีความมั่นคั่งเพียงแค่นั้น

ด้านนายพีระวงศ์วาน จรูญเอก ประธานข้าราชการบริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI คิดว่า มาตรการดังที่ได้กล่าวมาแล้วจะเป็นสาเหตุบวกต่อการกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ เพราะว่าจะมีฝรั่งที่มีรายได้ สูง หรือเป็นกรุ๊ปนักธุรกิจเข้ามาซื้อที่ดินรวมทั้งบ้าน 1 ไร่ มั่นใจว่าจะช่วยส่งเสริมยอดจำหน่ายจากฝรั่ง มากขึ้น คาดว่าปีถัดไป รูปทรงยอดจำหน่ายฝรั่งได้โอกาส จะมากขึ้นเป็น 10% จากเดี๋ยวนี้ที่ราวๆ 5% ดังนี้ในตอนปีกลายกำเนิดวัววิดมีรูปร่างอยู่ที่ 10-15%

ด้าน นายเทิดทูนศักดา ทวีธีระธรรม รองผู้ตัดสินผู้อำนวยการ สายงานศึกษาค้นคว้า บล.เอเซีย พลัส เผยกับ “ข่าวสารหุ้นธุรกิจออนไลน์” โดยเห็นว่า ความเห็นชอบ คณะรัฐมนตรีดังที่กล่าวมาแล้วไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะว่าเป็นข้อบังคับเดิมที่มีอยู่แล้ว เพียงแต่รัฐบาลได้ปรับแต่งข้อมูลเกี่ยวกับการคงจะเงินทุนจากเดิม 5 ปี เป็น 3 ปี เพื่อเพิ่มสิ่งจูงใจให้กับนักลงทุนต่างประเทศเยอะขึ้นเรื่อยๆ โดยหุ้นที่ได้รับผลดีคงจะหนี้สินไม่พ้นหุ้นในกรุ๊ปอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ที่ทำโครงงานบ้านในแนวยาวขนาดใหญ่ เนื่องจากว่ากรุ๊ปนักลงทุนต่างประเทศที่มีเงินลงทุนปริมาณ 40 ล้านบาทอาจจะไม่ซื้อบ้านราคาต่ำลงมากยิ่งกว่า 5 ล้านบาทอย่างไม่ต้องสงสัย ก็เลยเห็นว่าหุ้นที่ได้รับผลดีเป็นต้นว่า SC, LH รวมทั้ง QH


แหล่งที่มา kaohoon.com