“หมอโอภาส” ชี้ โควิดสูงขึ้น หลังยอดป่วยรพ. พุ่ง 20% เร่งฉีดวัคซีนกระตุ้น



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 และการติดเชื้อที่เริ่มเพิ่มมากขึ้น ว่าขณะนี้จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ส่วนผู้ป่วยเข้ารักษาในโรงพยาบาล (รพ.) เพิ่มขึ้น ตอนนี้อยู่ที่ 10-20% ผู้เสียชีวิตไม่มากนัก เฉลี่ยไม่เกิน 10 รายต่อวัน แต่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจึงต้องติดตามใกล้ชิด

ดังนี้ จากการสัมมนาร่วมกับผู้อำนวยการโรงหมอทั่วราชอาณาจักรกล่าวว่า แต่ละที่ยังรองรับเหตุการณ์ได้หากแม้ผู้ติดโรคมากขึ้น เหตุเพราะโดยมากอาการไม่ร้ายแรง รักษาแบบผู้ป่วยนอก หมอให้ยาไปรักษาดังที่วิเคราะห์ ส่วนการดูแลรักษาใน โรงพยาบาล ที่จำเป็นต้องใช้เตียง ห้องดูแลผู้ป่วยหนักในโรงพยาบาล เครื่องที่ใช้สำหรับในการช่วยหายใจ คนไข้ก็ยังมิได้เพิ่มแบบมีความนัยสำคัญกระทั่งจะต้องเพิ่มมาตรการ ก็มีเพียงแค่เน้นฉีดยาและก็ใส่หน้ากากอนามัย

“ความสูงอายุที่มีข่าวสารเสียชีวิตที่บ้านระยะนี้ อาจจำเป็นต้องไปดูการตายแต่ละราย หลายรายอาการไม่ราวกับวัววิด อยู่ๆเสียชีวิต ไปตรวจ ATK เจอ แต่ว่าการตรวจ ATK เป็นการคัดเลือกกรองพื้นฐาน การวิเคราะห์รับรองจะต้องตรวจเนื้อหามากยิ่งกว่านั้น ซึ่งกรมควบคุมโรคจะลงไปดูเนื้อหา ซึ่งวิธีการรักษากรุ๊ปเสี่ยงที่ติดวัววิดไกด์ไลน์ยังอย่างเดิมไม่เปลี่ยนแปลง” นพ.โอภาสกล่าว

โดยการระบาดในรอบนี้ทุกสิ่งทุกอย่างยังเป็นไปตามที่คาดคะเน เป็นรูปแบบของคลื่นเล็กๆ(Small Wave) การมีผู้ติดโรคและก็คนป่วยมากขึ้นก็ยังอยู่สำหรับการเดา ซึ่งจะเพิ่มตามวงรอบเป็นตอนเดือนพฤศจิกายน แล้วก็ธ.ค. โดยข้างหลังปีใหม่จะค่อยลดน้อยลง แม้กระนั้นจำต้องมองเรื่องจริงอีกที

ดังนี้ พบว่าสิ่งสำคัญที่ทำให้คนมารับวัคซีนเป็นเหตุการณ์การระบาดของโรค เมื่อใดที่มีผู้ติดโรคน้อยลง คนจะมาฉีดยากันลดน้อยลง แต่ว่าแม้มีปริมาณผู้ติดโรคมากมาย พลเมืองก็จะมารับวัคซีนมากขึ้น เมื่อวานนี้ (24 พฤศจิกายน65) ตนแล้วก็รองปลัด สธ. สัมมนาระยะไกลกับแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (นพ.สสจังหวัด) โรงหมอ (โรงพยาบาล) ศูนย์ โรงพยาบาลทั่วๆไป ทั่วทั้งประเทศ โดยมีการออกคำสั่งสั่งย้ำให้ตั้งเป้าหมายการฉีดยาในช่วงนี้อย่างเอาจริงเอาจัง พร้อมมีการติดตามสม่ำเสมอ

สำหรับวิธีการเป็น 1.ให้ทุก โรงพยาบาลในสังกัด สธ. จัดจุดฉีดยาวัววิด หมายกำหนดการให้บริการอย่างเหมาะควร ยกตัวอย่างเช่น ระบุวันฉีดเพื่อราษฎรมารับบริการอย่างสะดวก 2.กรณีพสกนิกรมาวอล์คอิน (Walk-In) ก็จำเป็นต้องให้ให้บริการฉีดให้ 3.สำหรับวัคซีนบางประเภทที่ 1 ขวด ฉีดได้หลายโดส ก็ขอให้แต่ละ โรงพยาบาลบริหารจัดแจงให้สมควร พิจารณาถึงผลดี ได้แก่ 1 ขวดแม้กระนั้นจำต้องฉีด 1 คน ก็ให้ฉีดดียิ่งกว่ารอคอยให้ครบแล้วพอหลังจากนั้นก็ค่อยฉีด ในที่สุดก็มิได้ฉีด

โดยย้ำกับผู้ปฏิบัติการว่าไม่จำเป็นต้องกลุ้มใจ เนื่องจากว่าพวกเรามีวัคซีนพอเพียง สามารถฉีดให้พลเมืองได้เลย อย่างไรก็แล้วแต่ สามารถติดต่อรับวัคซีนถึงที่เหมาะโรงหมอเกื้อหนุนสุขภาพตำบล (โรงพยาบาลสต.) เนื่องจากพวกเราเข้าใจกันดีกว่าถ้าเกิดพลเมืองจำต้องเดินทางมาที่อำเภอ ก็จะเสียค่าใช้จ่ายเพื่อเดินทาง พวกเราก็เลยจำเป็นต้องนำวัคซีนไปใกล้บ้าน ถ้าเกิดที่แห่งใดสามารถทำรถยนต์เขยื้อนฉีดได้ (Mobile unit) ก็ควรที่จะนำไปฉีดให้กับคนวัยชรา คนป่วยโรคเรื้อรังในชุมชน

“จะมีการติดตามเหตุการณ์ผู้ติดโรครวมทั้งวัคซีนสม่ำเสมอ เพื่อสรุปรายงานสิ้นเดือนนี้ สำหรับเชื้อไวรัสกลายพันธุ์คือเรื่องธรรดา อย่างเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ก็กลายพันธุ์จนถึงพวกเราจำเป็นต้องฉีดยาทุกปี เชื้อวัวโรน่าเชื้อไวรัสก็เช่นเดียวกัน ที่กลายพันธุ์จากสายเริ่มแรก จนถึงมาถึงโอมิครอน สำหรับสายพันธุ์ BA.2.75 ที่มากขึ้นระยะนี้ แม้กระนั้นยังเป็นการกลายพันธุ์ย่อย องค์การอนามัยโลก(WHO) ก็ยังมิได้แปลงชื่อสายพันธุ์ โดยภาพรวมยังเป็นโอมิครอนอยู่”นพ.โอภาส กล่าว


แหล่งที่มา kaohoon.com