โบรกมองปี 66 กลุ่ม “รพ.” กำไรแกร่ง รับผู้ป่วยต่างชาติ-ประกันสังคมพุ่ง ชู BDMS ท็อปพิก

หุ้น BDMS (SET) | BDMS | ข่าวหุ้นวันนี้ BDMS | ข่าวหุ้น บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน)| ข่าวหุ้นวันนี้ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน) | หุ้น BANGKOK DUSIT MEDICAL SERVICES PUBLIC COMPANY LIMITED | ข่าวหุ้น BANGKOK DUSIT MEDICAL SERVICES PUBLIC COMPANY LIMITED | ข่าวหุ้นวันนี้ BANGKOK DUSIT MEDICAL SERVICES PUBLIC COMPANY LIMITED


บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์เกี่ยวกับหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล คือ บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH และ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS เนื่องจากสถานการณ์กลับเข้าสู่สภาวะปกติหลังจากได้รับปัจจัยบวกจากการเปิดประเทศ จึงคาดว่าจำนวนผู้ป่วยต่างชาติจะปรับตัวเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งจะช่วยผลักดันผลการดำเนินงานปี 2566 เติบโตแข็งแกร่ง

ดังนี้ในส่วนของผลประกอบการไตรมาส 4/2565 ของหุ้นโรงหมอ มีกำไรทั้งสิ้นรวม 5.6 พันล้านบาท ซึ่งสูงขึ้นยิ่งกว่าประมาณของทางข้างศึกษาค้นคว้าอยู่ที่ 13% ด้วยเหตุว่ารายได้รวมทั้ง EBIT margin สูงขึ้นมากยิ่งกว่าคาด โดยหุ้นทั้งยัง 2 บริษัทเป็นBH รวมทั้ง BDMS ยังคงเป็นบริษัทที่ส่งผลประกอบกิจการหนักแน่นที่สุดในกรุ๊ปในไตรมาส 4/2565 ทำให้มีการปรับเพิ่มประมาณผลกำไรขึ้นอย่างสม่ำเสมอ

โดยภายหลังที่ผลจากการดำเนินงานของโรงหมอขนาดใหญ่ในช่วงหลังของปี 2565 ออกมาน่าพึงพอใจ พวกเราพบว่านักวิเคราะห์ในตลาดปรับเพิ่มคาดการณ์ผลกำไรของกรุ๊ปโรงหมอขึ้นอย่างสม่ำเสมอ โดย บลูมเบิร์ก คอนเซนซัส มีการปรับคาดคะเนผลกำไรของกรุ๊ปโรงหมอในปี 2566 ขึ้นมาแล้ว 4% ตั้งแต่แมื่อต้นปีจนกระทั่งตอนนี้

ในเวลาที่พบว่าผลประกอบการของโรงหมอขนาดใหญ่เป็นBDMS รวมทั้ง BH ฟื้นขึ้นอย่างอดทน สอดคล้องกับที่คาดเอาไว้ว่าโรงหมอที่มีรูปร่างรายได้จากคนไข้ต่างประเทศสูงจะเป็นกรุ๊ปหลักที่ได้ผลบุญจากการกลับมาของผู้เจ็บป่วยต่างประเทศ

โดยกำไรทั้งสิ้นไตรมาส 4/2565 ของ BDMS เติบโตอย่างแกร่งที่ 18.1% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีกลาย และก็กำไรทั้งสิ้นในไตรมาส 4/2565 ของ BH อยู่ที่ 152.6% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีกลาย ภายหลังที่ปริมาณคนไข้ฝรั่งมากขึ้นจากการกลับมาเปิดประเทศ

ดังนี้ ปริมาณนักเดินทางต่างประเทศที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้นถึง 7,848% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีกลายในไตรมาส 3/2565 แล้วก็ไตรมาส 4/2565 มากขึ้น 1,498% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีกลาย

สำหรับโรงหมอขนาดเล็ก ทางข้างศึกษาค้นคว้าคาดว่าผลที่ได้รับจากการดำเนินงานโดยส่วนมากจะยังคงไม่ตื่นเต้นในครึ่งแรกของปี 2566 จากฐานผลกำไรที่สูงในครึ่งแรกของปี 2565 จากการระบาดระลอกในที่สุดของวัววิด-19 ในประเทศไทยซึ่งมีต้นเหตุมาจากสายพันธุ์โอไมครอน

รวมทั้งโรงหมอขนาดเล็กได้ผลบุญจากการระบาดของวัววิด-19 ในครึ่งแรกของปี 2565 โดยรายได้ที่เกี่ยวโยงกับวัววิด-19 คิดเป็นสัดส่วนถึง 40-60% ของรายได้รวม โดยเหตุนี้ ก็เลยคาดว่าผลประกอบการจะชะลอตัวลง เนื่องจากว่ารายได้จากวัววิด-19 ลดน้อยลงอย่างยิ่ง

ดังนี้ โรงหมอขนาดเล็กพวกนี้จะย้ำไปที่ 1) การดูแลรักษาคนป่วยที่ไม่เกี่ยวกับวัววิด 2) การพยาบาลผู้ป่วยที่มี intensity สูง รวมทั้ง 3) การให้บริการที่นานาประการเพื่อรวมกลุ่มลูกค้าที่ใหญ่ขึ้นข้างหลังเหตุการณ์โรคระบาด เห็นสัญญาณบวกในหลายบริษัท เนื่องมาจากรายได้จากบริการที่ไม่เกี่ยวกับวัววิดสูงขึ้นมากยิ่งกว่าระดับก่อนวัววิดระบาดในปี 2562

นอกนั้น คาดว่าสำนักงานประกันสังคม (SSO) จะพินิจปรับเพิ่มค่ารักษาขึ้นจากอีก 10% ตั้งแต่ปี 2566 ไป โดยการปรับคราวสุดท้ายไปเมื่อปี 2560 คาดคะเนรายได้รวมทั้งผลกำไรของโรงหมอที่ให้บริการผู้เจ็บป่วยประกันสังคมมี upside อีก 3-4% ต่อปี และก็ 2563 ประเมินมี upside อีก 4-5% ต่อปี

โดยยังคงมองดูบวกกับช่องทางที่กรุ๊ปโรงหมอจะได้ผลบุญจาก 1) ปริมาณคนเจ็บฝรั่งที่มากขึ้น 2) แพลตฟอร์มโรงหมอที่แกร่งสำหรับคนป่วยคนประเทศไทย ซึ่งมีทั้งยังคนป่วยที่จ่ายเงินสด และก็คนป่วยประกันสังคม ยังคงให้น้ำหนักหุ้นกรุ๊ปโรงหมอที่ Overweight โดยเลือก BDMS เป็นหุ้นเด่นในกรุ๊ป แล้วก็ประมาณราคาจุดมุ่งหมาย DCF ปี 2566 ที่ 36.50 บาท


แหล่งที่มา kaohoon.com